สะกดคนดู ด้วยอาร์ตโบเก้ที่สวยจับใจ

ในวงการถ่ายภาพ โบเก้ถือเป็นเทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจและมีคนพูดถึงกันมากที่สุดครับ โบเก้คือการถ่ายภาพแสงไฟตอนกลางคืนให้เบลอ หรือการหลุดโฟกัสนั่นเอง แต่ปัจจุบันไม่ได้จำกัดแค่ตอนกลางคืนแล้ว ภาพโบเก้ที่ถ่ายตอนกลางวันแดดจัดๆก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ โดยการจะได้ภาพโบเก้แบบเก๋ๆ นั้น ขึ้นอยู่หลากหลายปัจจัย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดเลย จะเป็นเรื่องของเลนส์ที่เราใช้ถ่าย ซึ่งเลนส์ต้องเป็นเลนส์ที่ไวต่อแสง สามารถตั้งค่ารูรับแสงกว้างๆได้ สำหรับใครที่ชื่นชอบการถ่ายภาบุคคลอยู่แล้ว ก็สามารถใช้เลนส์นั้นได้เลย เนื่องจากการถ่ายภาพโบเก้จะเป็นการเน้นตัวแบบของเรา คล้ายกับการถ่ายภาพบุคคล แต่แตกต่างกันตรงที่การถ่ายโบเก้จะมีเรื่องของฉากหลัง เข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการจัดซีนภาพ โดยจะเป็นฉากหลังที่มีลักษณะเบลอ และมีรูปทรงที่เกิดจากการทำให้เบลอนั่นเอง

หลายๆคนอาจคิดว่าการถ่ายภาพโบเก้ เป็นแค่การจัดองค์ประกอบภาพให้เพ่งความสนใจไปที่วัตถุหรือตัวแบบเรา แต่จริงๆแล้วการถ่ายภาพโบเก้ยังเป็นการครีเอทภาพให้ดูเหมือนอยู่ในความฝัน หรือออกแนวแฟนตาซีไปเลยก็สามารถทำได้ ครั้งนี้เราก็มีเทคนิค 7 อย่างที่จะทำให้รูปโบเก้ของทุกคนดูสวยสะดุดตามาฝากกัน ติดตามกันได้เลย

 

1. เลือกเลนส์ให้เหมาะ

เหตุผลหลักๆที่ช่างภาพหลายคนรู้สึกท้อแท้กับกับการถ่ายภาพโบเก้ และไม่ได้ดั่งใจต้องการคือ การเลือกเลนส์ไม่เหมาะนั่นเอง 

โดยปกติการถ่ายโบเก้ให้สวยนั้น คือการใช้เลนส์ที่มีค่ารูรับแสงอย่างน้อยๆที่ f/2.8 แต่ปกติแล้วเลนส์ระยะทั่วไปหรือเลนส์ kit ธรรมดานั้นจะสามารถตั้งค่ารูรับแสงได้ต่ำสุดแค่ราวๆ f/3.5 หรือ f/4.5 เท่านั้น ซึ่งเป็นเลนส์ที่คนทั่วไปมีกันอยู่แล้ว และบางคนอาจคิดว่าค่ารูรับแสงห่างกันไม่กี่ stops เอง คงไม่เป็นอะไรหรอก แต่จริงๆในวงการถ่ายภาพนั้น เป็น เนื่องจากการถ่ายภาพโบเก้คือการถ่าย Portrait และฉากพื้นหลังจะเบลอทั้งหมดจนทำให้แสงไฟรอบๆเกิดรูปทรงหรือรูปร่าง ถ้ารูรับแสงของเลนส์ที่ใช้ถ่ายนั้นไม่กว้างมากพอ ก็จะไม่เกิดโบเก้นั่นเอง เพราะฉะนั้นค่ารูรับแสงแค่ 1-2 stops มีผลเด่นชัดแน่นอน

ดังนั้นควรใช้เลนส์อะไรดีล่ะ? สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มหัดถ่ายเลย เลนส์ระยะ 50mm ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด และยังสามารถตั้งค่ารูรับแสงต่ำสุดที่ f/1.4 หรือ f/1.8 ได้เลย หรือใครที่มีเลนส์เทเลโฟโต้อยู่แล้ว อย่ารีรอ ใช้ได้เช่นกัน ยิ่งเป็นเลนส์ที่มีระยะทางยาวโฟกัสเยอะๆก็จะทำให้เกิด Depth of field (DOF) มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ยิ่งทำให้เกิดโบเก้มากขึ้น สวยขึ้นอีกด้วย

 

2. ปรับกล้องให้เป็นโหมด AV

ถือเป็นโหมดที่สะดวกสบายมาก เนื่องจากตัวกล้องจะปรับค่าสปีดชัตเตอร์ให้เราโดยอัตโนมัติ ส่วนค่ารูรับแสงต้องปรับเอง ซึ่งก็คือปรับให้ค่ารูรับแสงกว้างที่สุดที่เลนส์ของเราจะสามารถทำได้นั่นเอง และถ้าใครยังรู้สึกว่ากล้องปรับออโต้ของความสว่างให้ไม่ได้ดั่งใจ ลองมองหาสัญลักษณ์ -/+ หรือปุ่มชดเชยแสงดู กล้องบางรุ่นจะมีปุ่มนี้อยู่ข้างๆปุ่ม Dial เลย หรือสำหรับบางรุ่นต้องเข้าเมนูไปตั้งค่าเอา ปรับได้ตามสะดวกว่าเราอยากให้ภาพสว่างหรือมืดดั่งใจเราต้องการได้เลย

 

3. ฉากหลังก็สำคัญ

Cr. Oleg Magni

หลายๆคนอาจคิดว่า ทำไมต้องให้ความสำคัญกับฉากหลังด้วย ในเมื่อยังไงก็ต้องเบลออยู่ดี บอกเลยว่า ฉากหลังสำคัญมากๆนะ ซึ่งสิ่งที่จะทำให้เกิดโบเก้ได้ ก็คือแหล่งกำเนิดแสงนั่นเอง ต้องมองหาฉากหลังที่มีแสงไฟประดับในตอนกลางคืน หรือถ้าใครอยากได้โบเก้ตอนกลางวัน ก็ทำได้เช่นกัน เช่น น้ำที่สะท้อนกับแสงแดด หรือแสงแดดที่ส่องผ่านต้นไม้ ก็ทำให้เราได้โบเก้เหมือนกัน พยายามหาโลเกชั่นทำนองนี้

 

4. ถ่ายโบเก้เป็น foreground เก๋ๆซะเลย

คนส่วนมากอาจนึกถึงแต่ถ่ายฉากหลังให้เป็นโบเก้ แต่จะมีซักกี่คนที่คำนึงถึงการหาแหล่งกำเนิดแสงประกอบไว้ที่ foreground ของเราบ้าง

ช่างภาพบางคนใช้เส้นของแสงไฟประดับ นำมาเป็น foreground ที่ดูน่าสนใจไปอีกแบบ หรือบางคนใช้แสงไฟที่สะท้อนจากตึกสูง ซึ่งต้องหามุมอื่นที่ไม่ใช่การถ่ายตรงเข้าไปหาตัวแบบหรือการถ่ายระดับสายตา อาจเป็นมุมต่ำลงมานิดนึง ยืนเฉียงทำมุม 45 องศากับตัวแบบ เนื่องจากจะทำให้เห็นเงาสะท้อนช่างภาพในกระจก ในขณะที่หามุมในการถ่าย ก็ต้องหามุมที่ทำให้แสงไฟโบเก้สะท้อนมากระทบกระจกด้านหน้าของตัวแบบด้วย พยายามมองหาสิ่งเหล่านี้ดู และสำคัญที่สุดเลย โฟกัสไปที่ตัวแบบของเรา จะทำให้ตัวแบบชัด ส่วนฉากหลังและ foreground ของเราเบลอนั่นเอง

 

5. โฟกัสไปที่ตัวแบบเสมอ

เป็นหัวใจหลักของการถ่ายโบเก้เลย แต่ในบางเหตุการณ์การโฟกัสก็เป็นเรื่องค่อนข้างยากอยู่ เนื่องจากส่วนใหญ่นั้นเป็นการถ่ายในที่แสงน้อย เพราะการโฟกัสที่มืดนั้นทำได้ยาก อาจทำให้หลุดไปโฟกัสฉากหลังที่จริงๆแล้วเราต้องการให้กลายเป็นโบเก้ และควรระวังจะได้ภาพ silhouette แทนภาพโบเก้ พยายามอย่าให้แสงจากฉากหลังหรือในโลเกชั่นนั้นๆสว่างจ้าจนเกินไป

 

6. เว้นระยะให้ตัวแบบและฉาก

การถ่ายภาพโบเก้ที่ดี ตัวแบบของเราควรเว้นระยะให้ห่างทั้งจากฉากหลังและตัวช่างภาพเองพอประมาณเพื่อการเกิดแสงไฟโบเก้ที่ฉากหลังได้สมบูรณ์ที่สุด

สำหรับใครที่ใช้เลนส์ 50mm อาจไม่ต้องถอยห่างออกจากตัวแบบมากนัก แต่ใครที่ใช้เลนส์เทเลโฟโต้ระยะตั้งแต่ 85mm ขึ้นไป ควรถอยห่างจากตัวแบบพอสมควรเลย เนื่องจากถ้าเข้าใกล้เกินไปทั้งการเกิดโบเก้และตัวแบบขนาดใหญ่เกินเฟรมก็จะเป็นอุปสรรคได้

แน่นอน ว่าการเว้นระยะนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์ ยิ่งเราและตัวแบบถอยห่างออกจากฉากหลังมากแค่ไหน แสงไฟก็จะยิ่งลดลงไปด้วยและอาจเห็นแสงไฟโบเก้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับใครที่อยากได้แสงไฟโบเก้ชัดๆ ก็แนะนำเป็นใช้เลนส์ที่มีระยะทางยาวโฟกัสมากกว่านี้อย่างเช่น 135mm เป็นต้น ซึ่งบอกเลยว่ามีตัวเดียว ทุกอย่างจบ ไม่จำเป็นต้องให้ตัวแบบเดินเข้าหาฉากหลังเลย

 

7. สนุกไปกับสีสัน

นอกเหนือจากความละลายของฉากหลังแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สามารถนำมาเป็นลูกเล่นให้กับเฟรมภาพของเราได้นั่นคือ สีสันของโบเก้นั่นเอง

พยายามมองหาโลเกชั่นที่มีสีสันหลากหลาย เช่นเดียวกับ patterns หรือพื้นผิวแปลกๆ เพื่อเพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ให้ภาพโบเก้ของเรา สามารถอยู่ร่วมเฟรมกับตัวแบบและการจัดองค์ประกอบภาพของเราได้ อีกอย่างหนึ่งคือต้องพยายามให้ตัวแบบของเราดูเด่นออกมาจากพื้นหลังด้วย ไม่งั้นจะทำให้ตัวแบบถูกกลืนไปกับพื้นหลังได้

เมื่อพูดถึงสีสันแล้ว การถ่ายออกมาเพื่อจะเห็นรูปร่างที่ชัดเจนก็สำคัญเช่นกัน ซึ่งรูปร่างเหล่านั้นจะเกิดได้ ขึ้นอยู่กับไดอะแฟรมของเลนส์และค่าของรูรับแสง ยิ่งเลนส์ที่ใช้มีจำนวนไดอะแฟรมเยอะ ก็จะทำให้รูปร่างของไฟโบเก้กลมมากเท่านั้น อย่างเลนส์บางตัวมีจำนวนไดอะแฟรมมากถึง 11 กลีบ ซึ่งภาพโบเก้ที่ได้นั้นจะเป็นรูปทรงกลมแน่นอน แต่สำหรับบางเลนส์อาจมีไดอะแฟรมอยู่ที่ 7 กลีบ แต่ค่ารูรับแสงสามารถเปิดกว้างได้ตั้งแต่ f/16 ถึง f/2 ถ้าเปิดรูรับแสงให้กว้างที่ f/2 ก็สามารถได้ภาพไฟโบเก้รูปทรงกลมได้เช่นกัน แต่ขนาดของรูปทรงกลมจะใหญ่มาก และเห็นได้ไม่ชัดเจนเท่าเลนส์ที่มีจำนวนไดอะแฟรมเยอะ หรือใครที่อยากได้รูปทรงแปลกใหม่ก็ลองปรับค่ารูรับแสงดู อาจจะปรับเป็น f/16 ก็จะเห็นไฟโบเก้ชัดเจน แต่รูปทรงจะเปลี่ยนไปตามจำนวนไดอะแฟรมที่เรามี อย่างเลนส์ที่มีไดอะแฟรม 7 กลีบ จะได้ไฟโบเก้รูปทรง 7 เหลี่ยม ส่วนเลนส์ไดอะแฟรม 11 กลีบก็จะได้ไฟโบเก้ทรงกลมอย่างไม่น่าแปลกใจ

via photographypro.comexpertphotography.comcanva.comphlearn.commasterclass.comlightstalking.comcontrastly.com

Back to top