รีวิวแบบบ้านๆ Fujifilm X-T30 (XT30) ดิจิตอลอารมณ์กล้องฟิล์ม

หลังจากที่สำนักเราได้นำกล้องดิจิตอลอารมณ์กล้องฟิล์มตัวนี้ ไปใช้งานแบบจริงๆจังมาหลายอาทิตย์ พาขึ้นดอยไป 5-6 รอบ เข้าวัดมาหลายวัด ถ่ายสาวๆมาก็หลายคน วันนี้ เราก็จะมารีวิวกันดู ว่าตกลง fuji XT30 ตัวนี้มันคือ litte giant อย่างที่เขาโม้เอาไว้จริงๆ หรือเปล่า

ก่อนอื่น ขอขอบคุณ Bigcamera และ Fujifilm Thailand ที่ได้ส่งกล้อง Fujifilm XT30 Charcoal silver Exclusive edition มาให้สำนักของเราได้ทดสอบกันด้วยครับ ซึ่งเจ้าตัว Charcoal silver นี้ ก็เป็นสีพิเศษ ที่มีจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน bigcamera เท่านั้นครับ

 

ความเป็นมาของ Fujifilm

บริษัท Fujifilm ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1934 โดยธุรกิจหลักของบริษัท ก็คือการผลิตฟิล์มตามชื่อบริษัทนั่นหละครับผลิตไปผลิตมาได้สักพัก บริษัท Fujifilm ก็ค่อยๆก้าวเข้าสู่ธุรกิจ ทำเลนส์ และอุปกรณ์ถ่ายภาพ เครื่องอัดภาพ และสิ่งพิมพ์ต่างๆ

ก็ได้มีการพัฒนาแตกสาขาเพิ่มไปเรื่อยๆ จนมาถึงธุรกิจกล้องดิจิตอล ในปัจจุบันเรียกได้ว่า Fuji ก็เป็นผู้ที่อยู่ในวงการถ่ายภาพมานานมากๆ รายหนึ่ง

พอ Fuji มาทำกล้อง Mirrorless digital concept ของกล้อง Fuji ที่เด่นชัดที่สุดที่ Fuji ยึดถือตลอดมา คือกล้อง digital คลาสสิค ที่มีรูปร่างหน้าตาอารมณ์การใช้งานและการควบคุมเหมือนกล้องฟิล์ม ยังไงยังงั้น

โดยไลน์ Digital camera ของ Fujifilm ตอนนี้ก็แตกสาขาออกมามากมายหลายรุ่น

พอจะจัดหมวดหมู่คร่าวๆได้ดังนี้

  • X-A และ X-T100 สำหรับนักถ่ายภาพระดับเริ่มต้น ที่ต้องการไฟล์ภาพคุณภาพสูง ราคาเบาๆ
  • X-E3 และ X-T30 สำหรับตลาดนักถ่ายภาพระดับจริงจังขึ้นมา ไปจนไปถึงบอดี้สำรองของโปร
  • X-pro X-t และ X-H เลขตัวเดียว เน้นสำหรับตลาดโปร ที่ต้องการกล้องประสิทธิภาพสูง แต่กะทัดรัด พกพาง่าย
  • GF-X กล้อง medium format สำหรับตลาดโปร ที่ต้องการไฟล์ภาพ beyond fullframe

และกล้องที่เราจะมารีวิวกันในวันนี้ คือ X-T30 พี่ชายคนกลางของค่าย

เป็นกล้องที่ทำมาสำหรับนักถ่ายภาพ ระดับเริ่มจะจริงจังกับการถ่ายภาพละครับโดยความสามารถของกล้องตัวนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่ได้หย่อนไปจากกล้อง PRO เลย ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ ระบบโฟกัส การถ่ายต่อเนื่อง ความสามารถในการถ่ายวีดีโอ ก็เรียกได้ว่าแทบจะยกมาจากกล้องในระดับ PRO แทบทั้งหมด

อ่าว แล้ว XT3 กับ XT30 มันแตกต่างกันตรงไหน เพื่อให้ราคาของ XT30 เข้าถึงได้ง่าย ดังนั้น บอดี้ของ XT30 ก็อาจจะไม่ถึกทน ลุยน้ำลุยฝนฝ่าพายุไม่ได้เท่ากับรุ่น Pro อย่าง XT3 และอาจจะมี buffer และความสามารถอื่นๆ น้อยกว่ารุ่น pro นิดๆหน่อยๆเท่านั้นหละครับ

แต่ความสามารถโดยรวม ก็เรียกได้ว่าเป็นกล้องโปรตัวน้อยๆ เลยจน Fuji ตั้งฉายานามให้กับ X-T30 ว่ามันคือ Little Giant ซึ่งก็หมายความว่า ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกล้องตัวน่อยๆ ระดับกลางๆ แต่พลังของมันก็มีมากมายเหลือเฟือ

 

รูปร่างหน้าตา การจับถือ

สัมผัสครั้งแรก คือมันเล็ก และเบาจริงๆ รูปร่างหน้าตา ก็เรียกได้ว่าแทบจะแยกไม่ออกเลยระหว่าง XT20 กับ XT30

ปุ่มควบคุมต่างๆด้านบน ยังคงเป็นแบบ hard control เหมือน XT20 ตัวเดิม

แผงควบคุมด้านหลัง ถูกปรับเปลี่ยนไปมีการปรับเปลี่ยนการ control ด้านหลัง เอาปุ่ม 4 ทิศทางออก แล้วใส่ joystick เข้าไปแทน

 

การจัดชุดเลนส์

น้ำหนักตัวกล้อง พร้อมเลนส์ kit 15-45mm จะอยู่ที่เพียง 500 กว่ากรัมเท่านั้นเอง สำหรับกล้อง APS-C + เลนส์ kit ก็จัดว่าเบามากๆ

พอรวมเลนส์ tele 50-230 เข้าไป 893 กรัม เพียงแค่นี้ เราก็จะมีเลนส์ให้ใช้ครบช่วงแล้วตั้งแต่ 15mm - 230mm ตั้งแต่ช่วงเกือบจะ ultrawide ไปจนถึง Telephoto ระยะกลางๆ แก่ๆ

และถ้าอยากเพิ่มเลนส์หลังละลายอย่าง 35mm f2 เข้าไปอีกสักตัว น้ำหนักทั้ง set ก็จะอยู่ที่เพียง 1057 กรัม

เรียกได้ว่าเป็นระบบที่เบาไหล่ สบายคอ มากๆครับ เหมาะแก่การท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง

 

จาก XT20 มาเป็น XT30 มีการปรับปรุงตรงไหนบ้าง

จาก XT20 มาถึง XT30
แม้รูปร่างหน้าตาภายนอก แทบจะคล้ายๆ กันหมดถ้าวางไว้ด้วยกันนี่ ตอนรีบๆอาจจะมีการหยิบผิดตัวแน่ๆ แต่ว่าภายในนั้น XT30 ก็ได้มีการพัฒนาด้านการทำงานไปหลายๆ ข้อ

  • พัฒนาเซ็นเซอร์รับภาพ จาก Xtrans III 24mp มาเป็น Xtrans 4 26mp ความละเอียดเพิ่มขึ้น
  • พัฒนาระบบโฟกัสแบบชุดใหญ่ แทบจะยกระบบโฟกัสจาก XT3 มาลง ทำให้โฟกัสได้ดีขึ้นมาก ไวขึ้นเกาะติดตามเป้าหมายได้ดีขึ้น และโฟกัสในที่แสงน้อยๆได้ดีขึ้นอีกมาก
  • EYE Autofocus tracking ระบบโฟกัสแบบติดตามดวงตา ที่ทำงานได้ทั้งในโหมดถ่ายภาพนิ่ง และโหมดวีดีโอ
  • electronic shutter สามารถยิงถล่มได้ รัวกว่า XT20 ตัวเดิม จาก 14fps ขึ้นมาเป็น 20fps และ BLACKOUT FREE
  • ส่วนด้านการถ่าย VDO แม้ว่าความละเอียดสูงสุดจะเป็น 4K 30fps เท่าเดิม แต่ก็มีการพัฒนาขึ้นในด้านรายละเอียดหลายๆด้านเพิ่ม HDMI out เป็น clean 4:2:2 10-bit และ bitrate เพิ่มจาก 100mbps เป็น 200mbps
  • แบตยังเป็นรุ่นเดิม แต่ว่า XT30 บริหารจัดการพลังงานได้ดีขึ้น จึงกินแบตน้อยลงกว่าเดิมทำให้ประสิทธิภาพของแบตเพิ่มขึ้นประมาณ 10%
  • Film simulator ตัวใหม่ ETERNA ที่สีออกโทน Cinema ให้โทนนุ่มนวล เปิดส่วนมืดเพิ่มขึ้น

 

ทดลองถ่ายที่ ISO สูงๆ

สิ่งที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากตัว XT20 คือเรื่องการโฟกัสในที่มืดๆ จากเดิม ตัว XT20 ต้องมีแสงจากเทียนมาช่วย ถึงจะโฟกัสได้ง่ายๆ

แต่พอมาถึง XT30 ก็สามารถโฟกัสกันในที่สลัวๆแบบนี้ได้เลยครับ โดยไม่ต้องจุดเทียนอะไรช่วย

 

ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ noise จากการถ่ายในที่มืดๆ ก็ออกมาตามภาพครับยังรักษารายละเอียดได้ดี

 

tracking EYE AF ระบบ EYE AF แบบติดตามดวงตา ที่ใช้ได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ

ยุคนี้ ใครไม่มี EYE AF แบบ tracking นี่ ก็นับว่าล้าสมัยกว่าชาวบ้านละครับfuji XT30 นี่ เค้าก็ให้มาครบๆ ทั้ง EYE AF ในการถ่ายภาพนิ่ง และสำหรับการถ่ายวีดีโอ ด้วยจุดโฟกัสแบบ hybrid ที่ขยายเพิ่มมามากมาย ทำให้การติดตามเป้าหมายของ EYE AF เป็นที่น่าพอใจอยู่ครับถ่ายมา 100 รูป นางแบบโยกหัวไปโยกหัวมา หรือเล่นชิงช้า กล้องก็จะล๊อคลูกตา แล้วโฟกัสตามตาไปเรื่อยๆ

ก็ได้ภาพออกมา ชัดแทบจะทุกรูป ถือว่าเป็นที่น่าพอใจทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอครับ

ด้วยความที่ว่าบริษัท Fujifilm ดั้งเดิมเป็นบริษัทผลิตฟิล์มแล้วก็มีชื่อเสียง มาจากฟิล์มในตำนานรุ่นต่างๆ

ดังนั้น พอมาทำกล้อง digital Fuji ก็พยายามสร้างกรรมวิธี process ภาพให้ออกมาเหมือนๆ กับฟิล์มในตำนานของตน เช่น Provia Velvia astia และอื่นๆ มีให้เลือกใช้เป็นสิบๆ ตัว

ซึ่งฟิล์ม simulation แต่ละตัว ก็เหมาะกับการใช้งานในแบบต่างๆกัน เช่น Velvia เอาไว้ถ่ายวิว เพราะให้โทนสีเขียวสีฟ้าสดใส astia หรือ Classic chrome จะเป็นฟิล์มที่ให้สีสันนุ่มนวลลงมา เหมาะกับการถ่ายคน หรือถ่ายภาพแนวเล่าเรื่อง Eterna เหมาะกับการถ่ายหนัง ให้อารมณ์ฟิล์ม cinema ที่ให้ภาพนุ่มนวล สุขุมลุ่มลึก

 

การให้สีสัน ในวันที่ฟ้าใส แดดสวยๆ

จะถ่ายวิว ผมก็จัด film simulator velvia ไปสิครับ ภาพออกมา ได้อารมณ์เหมือนถ่ายด้วยฟิล์มสไลด์เลยไม่ต้องไปแต่งอะไรอีก

ก็ได้เอาเจ้า XT30 พร้อมเลนส์ 15-45mm + 50-230mm ไปล่าดอกนางพญาเสือโคร่งจาก 3-4 ดอยทั้งดอยอ่างขาง ขุนวาง อินทนนท์ ดอยผาตั้ง

ฟีลลิ่งการใช้งานของกล้อง ก็ถือว่าเบาสบายดีมากสีสัน และไฟล์ภาพจาก film simulation velvia ก็ถือว่าดีงาม น่าประทับใจครับ

 

ทดลอง AF tracking สัตว์ที่เคลื่อนไหวเร็วๆ

ระหว่างที่กำลังถ่ายดอกซากุระอยู่ที่ในโครงการหลวงดอยอ่างขางผมก็เห็นว่า มีนกกินปลีตัวเล็กๆ กระโดดไปกระโดดมาตามกิ่งต้นซากุระด้วยครับ

ใส่เลนส์ 50-230mm อยู่พอดี ก็เลยปรับระบบโฟกัสเป็น continuous แล้วเลือกยิงแบบต่อเนื่อง กดมารัวตับๆๆๆ

แม้ว่าเลนส์ 50-230mm ตัวนี้ จะเป็นเลนส์ซูมราคาประหยัด ที่ราคาไม่แพงเลย แต่ก็ได้รูปนกดีๆกลับบ้านมาเยอะอยู่ครับ

 

ทดลองถ่ายในสภาพอ่อนๆ แสงน้อย หรือในที่ร่ม

ต่อมาก็ลองมาดูสไตล์ภาพในสภาพแสงอ่อนๆ ช่วงเช้าๆ หรือตอนแดดร่มลมตก เมฆมาบังพระอาทิตย์ การถ่ายทอดสีสัน และความสดใสของภาพ ก็ทำออกมาได้ประมาณนี้ครับ

 

ทดสอบถ่าย ช่วงแสงเย็น แสงค่ำ

โทนภาพที่จัดจ้าน สะใจวัยรุ่นครับ

 

Portrait Skintone 1

มาดูการให้สีผิว จากกล้องตัวนี้กันมั่งครับ ลองถ่ายสาวๆ ดูขอบคุณนางแบบน้อง turtle FB/IG @turtle.is.turtle

หลังจากทดลองใช้ film simulation เปรียบเทียบกัน ระหว่าง Classic chrome เดิม ที่ผมชอบใช้กับ Eterna ตัวใหม่ ก็รู้สึกชอบ Eterna มากกว่าครับ มันนุ่มกว่า นวลกว่า เลยเปลี่ยนมาใช้ Eterna เลย skintone ที่ออกมาจากกล้อง ไม่ได้ปรับแต่ง ก็ออกมาประมาณนี้ครับ

set แรกใช้คู่กับเลนส์ XR 35mm f2 ซึ่งเป็นเลนส์ normal หลังละลาย ของ fuji เขาหละ

 

portrait skintone 2

set ต่อมา ลองกับเลนส์ 35mm f2 และ 50-230mm ถ่ายในอีกบรรยากาศนึงก็ยังถูกใจ tone Eterna อยู่ครับ

ขอบคุณน้องนุ๊ก IG - sanimyok ที่สละเวลามาช่วยทดสอบกล้องด้วยครับ

 

การใช้งาน ร่วมกับเลนส์ manual focus

ด้วยความที่เป็นกล้อง retro ย้อนยุค XT30 จึงออกแบบให้มีการทำงานร่วมกับเลนส์ manual focus ได้และมีตัวช่วยในการใช้งานร่วมกับเลนส์ manual focus ได้หลายอย่าง

แต่ที่ผมถนัด ก็คือ magnify zoom นี่หละครับ ซึ่งก็ทำงานได้ง่ายและแม่นยำครับ

 

ตัวอย่าง Video จากกล้อง

 

สรุป

หลังจากที่ทดลองใช้งานเจ้า XT30 มาราวๆเกือบเดือนก็รู้สึกว่ามันเป็นกล้องที่ใช้สนุกมากๆอีกตัวหนึ่งครับ

มันเล็กและเบา ทั้งกล้องทั้งเลนส์พกไปไหนมาไหนด้วยแล้วเบาไหล่ สบายคอ

ขนกล้อง ขนเลนส์ทั้งหมดที่มียัดใส่กระเป๋า พาขึ้นดอยกันไปครบๆ ช่วงก็ยังน้ำหนักแค่กิโลกว่าๆเท่านั้นเอง ทำให้มีความคล่องตัว และสบายตัว อย่างมากๆ

นอกจากเล็กเบาแล้ว ตัวกล้องก็ยังจัดว่าหล่อมากๆด้วย เป็นเอกลักษณ์ของ Fuji ที่มักจะทำกล้องที่มีรูปร่างหน้าตา ออกแนว vintage ย้อนยุคหน่อยๆ

ตัวบอดี้สี charcoal silver นี่ ก็เป็นสีพิเศษ ที่ดูแล้วขลังมากๆ จนบางทีมีคนเคยทักว่าเดี๋ยวนี้ยังเล่นกล้องฟิล์มอยู่เหรอ

การ control กล้อง ทั้งปุ่ม ทั้ง dial ปรับค่า shutter speed ชดเชยแสงต่างๆ ก็มีครบครันและมี joystick ด้านหลัง ทำให้ควบคุมไม่ยากอย่างที่คิดไว้

คุณภาพไฟล์ที่ได้ออกมา ก็ถือว่าดีงามมากๆ ตามมาตรฐานเซ็นเซอร์ขนาด APS-C มี film simulator เอาฟิล์มตำนานต่างๆ มาให้เราเลือกใช้ ตามแต่สถานการณ์ และอารมณ์ภาพที่เราต้องการ สีสันที่ได้จาก film simulator velvia นี่ ก็สุดจะแซ่บ ถูกใจวัยรุ่น เหมือนโทนภาพที่เราได้จากฟิล์มสไลด์ ตอนที่หัดถ่ายรูปใหม่ๆเลย

ส่วนเวลาถ่ายคน ก็ปรับมาเป็น Classic chrome หรือ Etena ก็นุ่นนวลชวนฝัน

ระบบโฟกัส ที่พัฒนาขึ้นมาจาก XT20 เป็นอย่างมากไม่ว่าจะมีการเสริม EYE-AF ที่ตามดวงตาเป้าหมายได้ทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอและยังพัฒนาการโฟกัสในที่แสงน้อยๆ ขึ้นมาอีกเยอะ

พอรวมคุณสมบัติต่างๆเข้ามาด้วยกันแล้ว ก็ทำให้รู้สึกว่า XT30 เป็นกล้องเล็กๆ น่ารัก

แต่ก็มีประสิทธิภาพที่สูง และน่าใช้มากๆอีกตัวหนึ่งครับได้คุณสมบัติเทพๆ จากรุ่นพี่ XT3 มาหลายอย่างทั้งระบบโฟกัส เซ็นเซอร์ มันทำให้อยากจะยึดไว้ใช้เองจริงๆ แต่จำเป็นต้องส่งคืน เพราะนี่มันกล้อง sample แฮ่ๆ

มาถึงส่วนที่ไม่ถูกใจ ใช้แล้วมีขัดใจตรงไหนมั่ง ก็ยังมีอยู่บ้างครับ ผมว่ากล้องเค้าพยายามทำมาให้ตัวเล็กมากๆ ดังนั้นปุ่มต่างๆ มันวางชิดกันไปนิดนึงและปุ่ม Q อยู่ตรงนิ้วโป้งพอดีทำให้เผลอไปกดโดนใส่ปุ่ม Q อยู่หลายๆ ครั้ง

อีกเรื่องคือเรื่องงานประกอบ บอดี้อาจดูเบาๆ ไม่หนักแน่น เท่า XT3 หรือ Xpro3 ก็แน่ละครับ XT30 ยังไม่ใช่กล้องโปร ทำมาให้คุณสมบัติคล้ายๆกล้อง PRO แต่ลดเรื่องบอดี้ลงมา เลยทำให้ได้เปรียบเรื่องน้ำหนักตัวที่เบากว่า แต่ลุยฝุ่นลุยฝนไม่ได้แบบพี่ๆ เขาอยากลุยให้สุดๆ จัด XT3 ครับ

นอกนั้นก็ไม่มีอะไรขัดข้องใจแล้วครับ โดยรวมก็เป็นกล้องที่ใช้แล้วสนุกมากๆ โฟกัสแจ่ม ไฟล์ภาพที่ออกมาจากกล้อง ก็จัดว่าเนื้อไฟล์สวย สีสวย โทนสวยมาก โดยไม่ต้องแต่งอีกตัวหนึ่งครับ ถ้าเอาไปแต่ง ก็จะน่าจะยิ่งสวยได้กว่านี้อีก


ก็ขอจบการป้ายยาไว้เท่านี้ครับ
ขอขอบคุณ fujifilm thailand และ bigcamera ที่ส่ง Fujifilm XT30 สีพิเศษ charcoal silver มาให้สำนักเราได้ทดสอบด้วยครับ

ใครอยากลองเล่น ดูความไวโฟกัส ดูน้ำหนัก การจับถือ ก็ไปทดสอบกดกันได้ที่ big camera ทุกสาขาใกล้ๆบ้านท่านครับ

ขอบคุณน้าปอง ผู้จัดการทริป เจ้าของเพจ นายตัว P Photography ที่ชวนไปถ่ายสาวอยู่บ่อยๆ

และสุดท้าย ขอบคุณเพื่อนๆพี่น้องทุกท่าน ที่แวะเข้ามาเยี่ยมชมรีวิว ถ้าใครสนใจติดตาม ว่าสัปดาห์นี้ สัปดาห์หน้า เจ้าสำนักจะมีอะไรมาป้ายยามั่ง ก็เชิญแวะไปเยี่ยมชมเพจ : สำนักป้ายยา ได้เลยครับผม

สวัสดีครับ

via tamrong

Back to top