วิธีดูแลรักษากล้องและเลนส์ให้ปลอดภัย

การใช้งานกล้องและเลนส์ก็ต้องมีการเสื่อมสภาพตามกาลเวลาอยู่แล้ว แต่วิธีเก็บรักษากล้องและเลนส์ จะเป็นการยืดระยะเวลาการใช้งานให้ยาวนานมากขึ้น และนอกจากจะช่วยให้กล้องและเลนส์อยู่ในสภาพที่ดีแล้ว ยังทำให้ประสิทธภาพการใช้งาน และภาพที่ออกมาได้คุณภาพตามเดิมด้วย แต่จะต้องเป็นการดูแลรักษาให้ถูกวิธี ซึ่งจะแบ่งการดูแลรักษาตามการใช้งาน เช่น เมื่อใช้งาน ไม่ได้ใช้งาน รวมไปถึงอุปกรณ์สำหรับการทำความสะอาด

เมื่อใช้งาน

หลายคนอาจจะสงสัยว่าตอนใช้งานจะมีวิธีการรักษาด้วยหรอ? ซึ่งจริงๆ แล้วคือการใช้งานให้ถูกวิธี และการระมัดระวังเมื่อใช้งานนั่นเอง เพราะจะช่วยต่ออายุให้อุปกรณ์ได้เยอะกว่าการที่ใช้กล้องแบบไม่สนใจการใช้งาน หรือใช้งานแบบไม่รู้ว่าควรใช้แบบไหน ไม่ควรใช้แบบไหน ซึ่งจะส่งผลต่ออายุการใช้งาน ความเสื่อมสภาพอย่างมาก

มาเริ่มกันที่การพกกล้องกันก่อนเลย ไม่ว่าจะใช้งานแบบ Outdoor หรือ Indoor ก็มีวิธีการใช้งานไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่ Outdoor อาจจะต้องกังวลเรื่องสภาพแวดล้อม สภาพอากาศมากกว่า Indoor ที่เราสามารถควบคุมได้มากกว่า

- ควรใช้สายคล้องมือ หรือ สายคล้องคอ

Cr. Thuanny Gantuss, Annushka Ahuja, ATC Comm Photo

สำหรับกล้องขนาดเล็กอย่าง Compact สามารถใช้ได้ทั้งสายคล้องมือและสายคล้องคอเลย แล้วแต่ความถนัดในการใช้งาน แต่ถ้าเป็นกล้องที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอย่าง mirrorless และ DSLR แนะนำให้ใช้สายคล้องคอ เพราะจะสะดวกต่อการใช้งานมากกว่า หรือจะใช้งานแบบสะพายไหล่ก็ทำได้

Cr. rawpixel.com

การใช้สายคล้องจะช่วยลดความเสี่ยงกล้องและเลนส์ในการตกหล่น เพราะถ้าหล่นแล้ว ถึงแม้ว่าภายนอกจะไม่เป็นอะไร แต่อาจจะส่งผลกระทบต่อระบบภายในได้ ทำให้การใช้งานกล้องครั้งต่อไปไม่ได้ประสิทธิภาพที่เต็มที่

 

- ควรใช้กระเป๋ากล้อง

กระเป๋ากล้องเป็นอีก 1 สิ่งที่สำคัญมากๆ ไม่ว่าจะไปถ่ายใกล้ ไกล ก็ควรใช้ตลอด ยิ่งช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ทั้งร้อน และฝน อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้ง่ายๆ ดังนั้นจะไปถ่ายรูปที่ไหน หรือพกกล้องไปข้างนอก การมีกระเป๋ากล้องจะช่วยเซฟให้กล้องและเลนส์ได้ปลอดภัยมากขึ้น

Cr. Hans

สำหรับกล้อง compact จะนิยมใส่กระเป๋าขนาดกระทัดรัด หรือเป็นซองใส่ที่มีคุณภาพ และหลีกเลี่ยงการใส่กล้องไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพราะอาจจะทำให้เกิดการกดทบ และทำให้ส่วนสำคัญอย่างจอ LCD แตกได้

Cr. alexng , MabelAmber

และสำหรับกล้องที่ใหญ่ขึ้นมาหน่อย อย่าง Mirrorless และ DSLR จะแนะนำให้เป็นกระเป๋าที่มีหลายช่อง เพราะสามารถเก็บของได้หลายอย่าง และกล้องทั้ง 2 ตัว สามารถเปลี่ยนเลนส์ได้ ก็เผื่อใครเอาเลนส์ไปเปลี่ยน ก็สามารถเก็บไว้ในกระเป๋าได้สบาย

หรือใครที่ทำงานแบบจริงจัง ออกงานสตูดิโอ หรือออกนอกสถานที่ แบบใช้อุปกรณ์ครบเซต ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กล่องกันกระแทก หรือ Hard Case จะเป็นกระเป๋ากล้องกันกระแทก มีหลากหลายแบบให้เลือกใช้ แต่สำหรับใครที่อยากใช้งานได้สะดวกมากขึ้น หรือทำงานคนเดียว จะมี hard case ที่มีล้อสำหรับลาก ทำให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น และยังกันฝุ่นละอองเข้าไปภายในได้เป็นอย่างดี

ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดรอยขีดข่วนหรือเสียหายหรือไม่ เพราะกระเป๋ากล้องแต่ละประเภทจะออกแบบมาเพื่อรองรับการกระแทก และมีตัวบุที่หนาพอ เพื่อเซฟกล้องและเลนส์ให้ปลอดภัย

 

- ตอนเปลี่ยนเลนส์ก็สำคัญไม่แพ้กัน

Cr. James Bernstein

ในส่วนของเลนส์ ก็จะมีฝาครอบมาให้ทั้งด้านหน้าและหลัง เพื่อกันฝุ่นละอองเข้าตอนไม่ได้ใช้งาน ในตอนใช้งานจำเป็นจะต้องถอดฝาหลังออก เพื่อต่อเลนส์เข้ากับกล้องอยู่แล้ว แต่ฝาด้านหน้าอาจจะมีการเปิดเมื่อใช้งาน และปิด เมื่อไม่ได้งาน

แนะนำสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องมานั่งปิดลงล็อคให้เสียเวลา ก็จะมีให้เลือกซื้อฝาเลนส์แบบแม่เหล็ก (Magnetic lens cap) ปิดง่ายกว่าเดิมแน่นอน เพราะฝาเลนส์จะดูดเข้ากับตัวเลนส์ แต่ก็จะขึ้นกับเลนส์แต่ละรุ่นด้วยว่าทำมาให้มีฝาครอบเลนส์แบบแม่เหล็กหรือเปล่า

ส่วนตอนที่จะเปลี่ยนเลนส์ เลนส์ที่ถอดออกจากกล้องจะต้องใส่ฝาปิดทั้งด้านหน้าและด้านหลังทันที และควรทำตลอดให้ติดเป็นนิสัย เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องฝุ่นเข้า เผลอเอามือไปโดน ทำให้เป็นรอยนิ้วมือได้ และหลีกเลี่ยงการขีดข่วน จากเหตุการ์ณไม่คาดคิดด้วย ที่สำคัญตอนเปลี่ยนเลนส์ ควรหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีลมแรง เพราะอาจจะพัดพาเศษฝุ่น หรือผงต่างๆ มาติดที่เลนส์ได้

 

การชาร์จแบตเตอรี่

การจะออกไปถ่ายภาพ 1 ครั้ง นอกจากจะเตรียมกล้องและเลนส์ให้พร้อมแล้ว อีก 1 สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ แบตเตอร์รี่ และควรใช้ชาร์จให้เต็ม พร้อมมีแบตสำรองไว้ติดกระเป๋าไปด้วย เพราะถ้าเราสังเกตแล้วแบตใกล้จะหมด และนำออกมาชาร์จ อาจจะทำให้แบตเสื่อมไว นอกจากนี้เมื่อใช้งานกล้องเสร็จแล้ว ควรถอดแบตออกมาเก็บไว้ ไม่ควรทิ้งไว้ในกล้อง ถึงแม้ว่าอาจจะไม่เกิดความเสียหาย แต่เพื่อความปลอดภัย ควรเก็บไว้ในกล่องแบตเตอร์รี่มากกว่า

 

เมื่อไม่ได้ใช้งาน

อย่างแรกที่แนะนำเลยคือ ควรเอาแบตออกจากกล้อง นำไปชาร์จให้เต็มและเก็บไว้แยกกัน เพราะถ้าใส่ไว้ในกล้องเป็นเวลานานอาจจะทำให้แบตเสื่อมสภาพ และอาจจะทำให้กล้องภายในเสียหายได้ หลังจากนั้นมาถึงขั้นตอนการทำความสะอาดก่อนเก็บ เพื่อให้กล้องอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด และเพื่อประสิทธิภาพที่ดีในครั้งต่อไป แนะนำให้ใช้อุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดโดยเฉพาะ

- อุปกรณ์การทำความสะอาดกล้องและเลนส์

อุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ เพื่อดูแลรักษากล้องและเลนส์ให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ซึ่งจะต้องเป็นอุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดกล้องและเลนส์โดยเฉพาะ ไม่แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ทำความสะอาดอื่นๆ หลายๆคนมองจากภายนอกว่าสามารถใช้งานได้แล้ว แต่จริงๆแล้วอุปกรณ์เหล่านั้นไม่ได้มีวัตถุประสงค์หรือหน้าที่เหมือนอุปกรณ์เฉพาะ และอาจจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้

1. ลูกยางเป่าลม หรือที่เป่าลมแบบไฟฟ้า

ซึ่งในส่วนของกล้อง จะต้องดูแลและใส่ใจเซนเซอร์เป็นพิเศษ เช่นเดียวกับเลนส์ ที่จะต้องดูแลรักษาหน้าเลนส์โดยเฉพาะ ในส่วนนี้จะใช้ลูกยางเป่าลม จะมีลักษณะมีปลายแหลมๆ และตัวกดกลมๆ นิ่ม เพื่อกดและเป่าลมออกมาทำความสะอาดสิ่งสกปรก ฝุ่น ผงที่อยู่ตามซอกเซนเซอร์ หรือหน้าเลนส์ได้

และในปัจจุบันก็มีตัวเลือกใหม่ๆ สำหรับที่เป่าลม ก็คือที่เป่าลมแบบไฟฟ้า สามารถเป่าลมได้ความแรงสูง แต่ไม่เป็นอันตรายต่อหน้าเลนส์และเซนเซอร์ เพราะบางทีการใช้ลูกยางเป่าลมธรรมดา ลมอาจจะแรงไม่พอทำให้ฝุ่นหลุดออกได้

 

2. แปรงปัดฝุ่น

อุปกรณ์ต่อมาจะเป็นแปรงสำหรับปัดฝุ่นบนเลนส์กล้อง เพื่อทำความสะอาดดโดยเข้าถึงซอกเล็กได้มากยิ่งขึ้น แปรงจะต้องมีขนนุ่มออกและแบบมาเพื่อปัดเลนส์กล้องโดยเฉพาะ แต่เวลาทำความสะอาดก็ต้องปัดอย่างเบามือเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดรอยบนหน้าเลนส์

 

3. ผ้าไมโครไฟเบอร์

แนะนำให้ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ สำหรับทำความสะอาดบอดี้กล้องและเลนส์ ไม่ควรใช้ผ้าอื่นๆ มาเช็ด เพราะผ้าตัวอื่นไม่ได้ทำมาเพื่อทำความสะอาดโดยเฉพาะ ในต้วผ้าอาจจะแข็งเกินไป หรืออาจจะมีเศษผงเล็กๆ ที่เมื่อเช็ดแล้วอาจจะเกิดรอยขีดข่วนได้

 

4. กระดาษทำความสะอาดเลนส์และจอ LCD

เป็นกระดาษทำความเลนส์และหน้าจอ LCD ที่จะมีขายตามร้านกล้อง ใช้งานสะดวก สำหรับการออกไปถ่ายรูปข้างนอก สามารถพกพาไปได้ทุกที่ และไม่ต้องหากล่องเก็บ เพราะสามารถหยิบใช้จากแพคเกจที่เขาให้มาได้เลย

ส่วนถ้าเซนเซอร์ได้รับสิ่งสกปรกเยอะ ยากต่อการทำความสะอากเอง และสำหรับคนที่ไม่ชำนาญ และกังวลว่าเซนเซอร์จะเป็นอันตราย แนะนำให้ไปที่ร้านกล้อง ที่รับทำทำความสะอาดเซนเซอร์โดยเฉพาะ เพื่อให้กล้องปลอดภัยที่สุด

นอกจากอุปกรณ์พวกนี้จะมีหน้าที่ดูแลรักษาความสะอาดของกล้องและเลนส์ หลังจากไม่ได้ใช้งานแล้ว ยังสามารถเอาไปออกทริปด้วยได้ เพราะอาจจะเจอสถานการณ์ไม่เป็นใจ ทำให้หน้าเลนส์สกปรก หรือมีฝุ่นเกาะเซนเซอร์ ก็สามารถเอาอุปกรณ์พวกนี้มาช่วยได้ แต่อาจจะต้องเป็นไซส์เล็กหน่อย เพราะจะได้ประหยัดเนื้อที่ และพกพาได้สะดวก

 

จากนั้นเก็บใส่ไว้ในอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน

แนะนำให้ใช้กล่องกันความชื้น และซิลิก้าเจล เพราะความชื้นเป็นปัญหาใหญ่ของอุปกรณ์ไฟฟ้าแทบทุกชนิด รวมถึงกล้องและเลนส์ด้วย สามารถเลี่ยงความชื้นได้ด้วยการใช้กล่องกันความชื้น และซิลิก้าเจล ให้ใส่ซองซิลิก้าเจลไว้ในกล่องเก็บกล้อง

ซิลิก้าเจลจะช่วยดูดซับความชื้น แต่ตัวซิลิก้าเจลก็มีอายุการใช้งาน บางยี่ห้อจะเปลี่ยนสีเมื่อดูดซับความชื้นเต็มที่แล้ว จึงควรเปลี่ยนใหม่ตามที่หน้าซองผลิตภัณฑ์บอก ว่าควรใช้เท่าไหร่ จึงควรเปลี่ยน จากนั้นต้องเช็คก่อนเก็บเข้าที่ว่าปิดสนิทแล้ว และควรเก็บกล่องนั้นให้ห่างจากความชื้น หรือในที่ๆมีอากาศถ่ายเทดี

แต่ในกรณีที่มีกล้องและเลนส์ราคาสูงอยู่หลายตัว แนะนำให้ลงทุนซื้อตู้สำหรับเก็บจะดีที่สุด เพราะตู้กันชื้น หรือตู้เก็บกล้อง จะออกแบบมาเพื่อรักษากล้องให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุดอยู่แล้ว

สุดท้ายแล้วแนะนำให้กล้องและเลนส์นำออกมาเช็ค เช็ดทำความสะอาด และใช้งานบ้าง เพราะบางทีอาจจะเกิดจากเหตุสุดวิสัย หรือเผลอปิดกล่องไม่สนิท ทำให้ความชื้นเข้าไปมากเกิน และความเสียหายอื่นๆ ดังนั้นควรหมั่นเอาออกมาเช็คและใช้บ้างจะดีที่สุด

ข้อควรระวัง

  • ระวังการสัมผัสน้ำเค็ม เพราะจะทำให้เกิดการกัดกร่อนบอดี้กล้องและบอดี้เลนส์ได้ แต่ถ้าโดนน้ำธรรมดาสามารถใช้ผ้าเช็ดได้ตามปกติ
  • มือเปียก ไม่ควรถอด-ใส่แบตเตอร์รี่ ด้วยความชื้นของแบตเตอร์รี่ อาจจะทำให้กล้องเกิดความชื้นภายใน และช็อต หรือเกิดความเสียหายอื่นๆ ภายในได้

การใช้งานกล้องและเลนส์ให้ถูกวิธี และดูแลรักษาอุปกรณ์หลังใช้งาน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เพื่อคงประสิทธิภาพที่ดีของอุปกรณ์ไว้ และใช้งานได้อย่างยาวนาน

Back to top