PANASONIC GF-3 กล้องน่ารักในสรีระโค้งมน



          กล้อง GF-3 จาก Panasonic เป็นกล้องในกลุ่ม Mirrorless ที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัดมาก โดยได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความโค้งมนมากกว่ารุ่นเดิม ส่วนโค้งด้านบนซ่อนแฟลชป๊อบอัพเอาไว้ซึ่งเป็นแบบ Manual เวลาเปิดจะยกตัวสูงมากกว่าเดิมเช่นกัน

          แม้ฐานเสียบแฟลชจะขาดหายไปจนมีคำวิจารณ์พูดถึงมากมาย แต่ท่านใดที่ไม่ได้คิดจะเพิ่มเติมก็คงจะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเลือกซื้อ เพราะยังมีข้อดีอีกมากมายที่ให้พูดถึง อีกทั้งคุณภาพที่ได้รับการพัฒนาให้สนองการใช้งานของนักถ่ายภาพเพิ่มขึ้น


คุณสมบัติของ GF3

          Live MOS เซ็นเซอร์ขนาด 12.1 ล้านพิกเซล ใช้จอด้านหลังขนาด 3 นิ้ว แบบทัชสกรีน ช่วยให้กดชัตเตอร์ขณะหาโฟกัสได้ทันทีซึ่งครั้งนี้ใช้เลนส์ 14mm. F/2.5 ASPH ทำการ Play จึงมีความเร็วในการหาโฟกัสอยู่ที่ 0.18 วินาทีเท่านั้น...

          มี iA Plus Mode โหมดออโต้อัจฉริยะที่ช่วยให้การถ่ายภาพดำเนินไปอย่างราบรื่น และสนุกสนาน เลือกใช้สำหรับภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว คุณสามารถดึงเทคนิคปรับระยะโฟกัสได้ตามความต้องการด้วยนิ้วสัมผัส หรือจะปรับค่าความสว่างได้อย่างเหมาะสมง่ายดาย และปรับค่าอุณหภูมิสีจากโทนร้อนไปโทนเย็น ได้พร้อมกันทั้งหมดรวมอยู่ภายใน Shot เดียว

          Creative Control เป็นชื่อเรียกของโหมดที่สามารถเลือกเอฟเฟกต์ภาพ 6 แบบ เพื่อใส่ความคิดสร้างสรรค์เติมลงไป ประกอบด้วย Miniature (ภาพเสมือนเมืองจำลอง), Expressive (ภาพคมชัดสดใส), Retro (ภาพแนวย้อนยุค), High Key (ภาพโทนสว่าง), Sepia (ภาพโทนสีน้ำตาล) และ High Dynamic (ภาพที่มีความเปรียบต่างสูง)

          นอกจากนั้นยังบันทึกภาพเคลื่อนไหวด้วยไฟล์ Full HD เลือกให้เป็นแบบ 60i (30 ภาพ/วินาที) หรือ 50i (25 ภาพ/วินาที) ได้

 

สัดส่วนภาพ (Format) 1:1 เป็นสิ่งที่นักถ่ายภาพหลายๆคนต้องการด้วยอารมณ์ภาพแบบ Medium Format ใน GF3 ก็ยังคงมีให้เลือกใช้

 

สัดส่วนภาพ (Format) 16:9 หลายท่านเริ่มเลือกใช้กันมากขึ้นเมื่อต้องการตัดส่วนบน-ล่างของภาพให้กระชับ
หรือต้องการนำไปเปิดแสดงภาพผ่านจอโทรทัศน์

 

สัดส่วนภาพ (Format) มาตรฐาน 4:3 ด้วยเลนส์ 14มม. F/2.5 ASPH ที่ให้ความคมชัดของภาพสูง ซึ่งภาพทางขวาใช้โหมดที่ให้สีสดขึ้น

 

     

BIGPLAY

          ที่มาของการ Play ครั้งนี้ค่อนข้างแปลกกว่าทุกครั้งเพราะเป็นการเดินดุ่มไปที่บูธของ Panasonic แล้วบอกว่า “ขอยืมเล่นหน่อยนะครับ” เจ้าหน้าที่ก็ใจดีส่งกล้องให้อย่างงงๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงตอนที่เดินเอากล้องไปคืนให้พร้อมกับคำว่า “ขอบคุณครับ”

          สีของตัวบอดี้ที่หยิบยืมครั้งนี้เป็นสีขาวเลนส์สีดำ มองดูแล้วตัดกันดีแบบมีรสนิยมไม่ฉูดฉาน แต่ก็ไม่เรียบเกินไป ที่พูดถึงเพราะมันมีอิทธิพลต่อจิตใจของผู้ใช้ และสะท้อนตัวตนของเจ้าของอีกด้วย

          ขอเล่าย้อนกลับไปตอนที่กล้องมาอยู่ในมือนั้นต้องทำการปรับข้อมูลการตั้งค่าต่างๆ ของกล้องให้กลับไปเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงานก่อน เพื่อป้องกันการผิดพลาดจากค่าที่ถูกตั้งไว้ครั้งสุดท้ายโดยผู้ใช้คนเดิม จากนั้นจึงค่อยๆ ปรับค่าที่เราต้องการเอง โหมด iA Plus เป็นโหมดที่พยายามดึงขึ้นมาใช้มากที่สุดเพื่อพิสูจน์ความฉลาดของสมองกลว่ามีระดับความอัจฉริยะขนาดไหน

          โฟกัสหน้าบุคคลประมาณ 2 เมตร กล้องจะปรับเลือกไปที่โหมดการถ่ายภาพบุคคล เมื่อโฟกัสที่ดอกไม้ระยะประมาณ 50 ซม.กล้องจะปรับไปที่โหมดมาโคร หรือยกกล้องแล้วปรับไปที่ช่วงกว้างสุดของเลนส์แล้วโฟกัสไปที่ไกลๆ กล้องก็จะปรับเป็นโหมดการถ่ายภาพวิว ทิวทัศน์ ให้โดยอัตโนมัติ

          แต่การถ่ายภาพต้องมีศิลปะ ฉะนั้นการถ่ายภาพตุ๊กตาดินเผาที่มีดอกไม้สีเหลืองอยู่ล้อมรอบจึงเลือกการเปลี่ยนโฟกัส (Defocus) มาเป็นตัวช่วยในเรื่องเทคนิคที่ให้ภาพมีมิติเพิ่มขึ้น จนสามารถสร้างเรื่องราวให้เกิดในภาพได้ เช่นภาพนี้สมมติให้ดอกไม้สีเหลืองเป็นไมโครโฟนวางในตำแหน่งใกล้ปากตุ๊กตา ส่วนสีเหลืองเบลอๆด้านล่าง และทางขวาเปรียบเป็นเหมือนผู้ชมที่กำลังฟังเพลง (ภาพหน้าแรก) นี่เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ขอยกมาเล่าข้อมูลการถ่ายภาพรวมถึงวิธีคิดก่อนจะกดชัตเตอร์ทราบรู้กัน

          ไปต่อกันที่การใช้นิ้วสัมผัสกับหน้าจอ LCD เมื่อต้องการกดชัตเตอร์พร้อมกับการหาจุดโฟกัส (Touch Shutter&Touch AF) จุดนี้ขอสารภาพว่าไม่คุ้นเคย และทำชัตเตอร์ลั่นประจำเพราะลงน้ำหนักแรงเกินไป กว่าจะเริ่มคุ้นก็จะคืนกล้องซะแล้ว แต่หากใช้ประจำจนรู้น้ำหนักมือจะเพลินมากเหมือนเล่น IPHONE เลย โดยเฉพาะในโหมดดูภาพ (Touch Palyback) คุณจะสนุกกับการเลื่อนภาพที่นุ่มนวล และสั่งขยายภาพได้รวดเร็ว

          เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วเดินถ่ายภาพยังไม่ทันไรเกือบชั่วโมงแล้วต้องกลับไปประกอบภารกิจอื่นต่อแล้ว ยังเล่นโหมดต่างๆ ไม่ครบเลยนี่ขณะศึกษารายละเอียดกล้องมาบ้างแล้วนะ แต่ก็ได้เล่นการปรับสัดส่วนภาพหลายๆ แบบ การสร้างสรรค์ภาพในแบบสีสัน และภาพซีเปีย ตลอดจนลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เรียกว่าสนุกจนเกือบลืมเวลาทีเดียว


คิดเห็นอย่างไรเมื่อ PLAY แล้ว...

          การจับถือตัวกล้องตลอดการใช้งานถือว่าดีไซน์ส่วนเว้าส่วนโค้งขึ้นมาเป็นสันได้ดีช่วยให้จับถือได้กระชับมาก แม้จะเป็นการใช้แค่เลนส์ช่วงกว้างที่มีน้ำหนักเบา ซึ่งหากใช้เลนส์ตัวใหญ่ขึ้นก็ไม่เป็นปัญหาเนื่องจากเลนส์อย่าง45-200มม.นั้นไม่ได้มีน้ำหนักมากเหมือนเลนส์ที่ใช้กับกล้อง DSLR เห็นบอดี้ของกระบอกเลนส์อย่าเพิ่งถอดใจ ช่วงที่ผมได้มีโอกาสไปถือจับที่บูธมีคุณผู้หญิงท่านหนึ่งสนใจเข้ามาถามว่าหนักหรือเปล่า ผมส่งกล้องให้พร้อมกับคำถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง เธอยิ้มแล้วพูดว่าเบากว่าที่คิดไว้เยอะเลยคะ สักพักผมเห็นเดินไปซื้อชุดคิทแบบเลนส์ 2 ตัว คือ 14-42 มม. กับเลนส์ 14 มม. คงเก็บไว้เล่นก่อนแล้วค่อยซื้อเลนส์ช่วงเทเล โฟโต้ ต่อยอดอีกที

          คุณภาพของภาพต้องเรียกว่าเล็กพริกขี้หนูจริงๆ ลองพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก (4x6 นิ้ว) การไล่รายละเอียดโทนสีสวยครบมาก และหลังจากกลับไปเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ขยายไปที่ 100% เรียกว่าโหดหน่อยสมกับที่บอกว่าคุณภาพระดับ DSLR และก็สมราคาครับแม้จะหลุดโฟกัสบ้างเล็กน้อยจากสภาพแสงต่ำในบางภาพ แต่หากสภาพแสงดีเรียกว่าคุณภาพมาเต็มๆ

          คุณสามารถยกระดับความสุดยอดด้วยการเลือกใช้เลนส์รุ่นของ Leica มาใช้งาน หรือซื้ออะแด็พเตอร์แปลงเม้าท์เลนส์ให้ใช้ร่วมกับกลุ่มเลนส์ Micro 4/3 ได้ทุกค่าย เรียกว่าไม่ต้องกลัวตันกับอุปกรณ์เสริม ถ้าอยากเสียเงินอย่างมีความสุขก็จัดไปได้เลยกับกล้องรูปทรงทันสมัย คุณภาพเยี่ยมอย่าง...Panasonic Lumix GF3

 




Back to top