RICOH GXR Mount A12 For GXR System

 

 

          ชุดต่อเลนส์ GXR MOUNT A12 จาก RICOH สร้างความแปลกใจ และดีใจให้กับวงการถ่ายภาพทั่วโลก เนื่องจาก Camera Unit ชิ้นนี้ติดตั้ง Lens Mount ที่สามารถรองรับการใช้งานของระบบเลนส์ Leica M ได้เต็มรูปแบบพร้อมเซ็นเซอร์รับภาพแบบ CMOS ขนาด APS-C (23.6x15.7มม.) ความละเอียด 12.3 ล้านพิกเซล มีระบบไมโครเลนส์ที่ช่วยด้านการกระจายแสงให้สม่ำเสมอแม้บริเวณขอบภาพ โดยใช้การโฟกัส แบบ Manual

          เป็นอย่างไรบ้างสำหรับคุณสมบัติข้างต้นที่แบรนด์ Ricoh พยายามสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นแม้จะเป็นการฉีกกฎเกณฑ์จากรูปแบบกล้องทั่วไป ซึ่งนับเป็นความกล้าที่ท้าทายให้เหล่าสาวกของเลนส์ต่างๆ ที่เป็นเม้าท์ Leica M นั้นฟื้นคืนชีพเลนส์คู่ใจให้กลับมาโลดแล่นบนเส้นทางถนนถ่ายภาพอีกครั้ง หลังจากเก็บอยู่ในกรุมานาน

          ทางคอลัมน์ BIGPLAY ได้ทราบข่าวก็พยายามติดต่อทาง บ.อิสท์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จก. เพื่อขอมา Play ให้ชาว BIG CAMERA ได้ทราบข้อมูลกันแบบถึงใจทันที หลังจากที่อุปกรณ์ชุดนี้เปิดตัวครั้งแรกภายในงาน BigProDays 5 ของเราไป และตอนนี้อุปกรณ์ก็มาอยู่ในมือแล้วพร้อมกับเลนส์คุณภาพ “Carl Zeiss45mmF/2.8 ”


 

First Look...

          ชุดต่อเลนส์ GXR MOUNT A12 มีเซ็นเซอร์รับภาพในตัวตามแบบฉบับของ Ricoh ช่วยอำนวยความสะดวกต่อการสับเปลี่ยนนำเลนส์ของหลายแบรนด์มาใช้ทั้งที่เลนส์ของ Ricoh เองก็มีตำนานไม่ยิ่งหย่อนกว่าใคร แต่ก็เป็นการดีที่จะทำให้นักถ่ายภาพอีกมากมายได้มีโอกาสสัมผัสกับระบบการทำงานของ GXR Body ในราคาที่ย่อมเยากว่ากล้องระดับตำนาน และเป็นการปลุกชีพเลนส์มือหมุนครั้งสำคัญในตลาดกล้อง Mirrorless ซึ่งวัสดุที่นำมาประกอบนั้นสัมผัสได้ถึงมาตรฐานของวัตถุดิบ และขั้นตอนการประกอบที่มีคุณภาพสูง

          ลำดับแรกพลิกดูคู่มือในกล่องกระดาษแบบรีไซเคิลของตัวเมาท์เลนส์ ทำให้ทราบถึงความใส่ใจในรายละเอียดของผู้ผลิตที่ป้องกันผู้ใช้งานจะนำเลนส์รุ่นที่ไม่สามารถประกอบใช้งานได้สมบูรณ์มาใช้ซึ่งหากฝืนใส่ลงไปกระเดื่องเลนส์จะมีโอกาสโดนตัวเซ็นเซอร์ที่อยู่ด้านในสูง จึงแถมเครื่องทดสอบระยะมาให้ในกล่อง (ทำหน้าที่คล้ายฝาปิดท้ายเลนส์)

          เนื่องจากยังไม่สามารถหาเลนส์ Leica เองมาได้ จึงต้องนำเลนส์ CarlZeiss 45mm f/2.8 มาใช้ก่อน (โอกาสหน้าท่านใดกรุณาส่งให้Playก็ยินดีรับไว้) ซึ่งต้องอาศัยอะแด็พเตอร์แปลงเม้าท์เลนส์อีกชั้นหนึ่งก่อน หลายท่านอาจกังวลว่าจะเสียแสงเหมือนการใช้ท่อต่อเลนส์หรือไม่ คำตอบคือไม่มีการเสียแสงเนื่องจากเมื่อต่อเลนส์เข้าที่แล้วจะไปอยู่ในตำแหน่งระนาบพอดี

          ช่วงเลนส์ที่คูณกับค่าเฟคเตอร์ของขนาดเซ็นเซอร์ 1.5x เป็นผลให้เลนส์ตัวนี้กลายเป็นเลนส์ 67 มม.ไปโดยปริยาย ดังนั้นการถ่ายภาพในครั้งนี้จะเสียอรรถรสการถ่ายภาพมาโครสไตล์ Ricoh ไปบ้างเพราะสามารถเข้าใกล้วัตถุได้มากสุดเพียง 60 ซม.

          ลองชมภาพตัวอย่างเบื้องต้นด้านล่างเป็นน้ำจิ้มก่อนจะคุยเรื่องถัดไป

 



 ลองสังเกตการไล่โทนในส่วนมืด
 มายังโทนสว่างทำได้เนียนดีมาก
 สีที่ได้สดใสเหมือนจริง ในส่วน
 สีขาวของตัวหนังสือ แม้จะมีแสง
 มากระทบก็ยังคุมความคมชัดได้




 ภาพนี้เล่นระยะชัดด้วยการหงาย
 กล้องเพื่อถ่ายภาพใบบัวและ
 ดอกบัวที่กำลังชูช่อจากมุมต่ำ
 การวัดแสงแบบเฉลี่ยทำงานได้ดี
 แม้จะพยายามใช้บททดสอบที่มี
 ความเปรียบต่างสูง


 

First Shooting...

          ประกอบแต่ชิ้นเข้าตำแหน่งเรียบร้อยบนโต๊ะทำงานด้วยความร้อนใจอยากเห็นภาพที่ได้จากอุปกรณ์ชุดนี้เร็วๆ ทำอย่างไรดี...หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง...เจอเข้าแล้วบทพิสูจน์แรก

          ตั้งสัดส่วนภาพไปที่ 1:1 ภาพที่ออกมาจะได้เป็นสีเหลี่ยมจัตุรัส ปรับโหมดการถ่ายภาพไปที่ Auto ให้ระบบประมวลผลทำงานด้วยตัวเองเต็มที่ เลือกระบบวัดแสงแบบเฉลี่ยทั้งภาพ หลังจากกดชัตเตอร์ความรู้สึกแรกที่เห็นภาพก็สร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพกล้อง และเลนส์จากข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ภาพที่ได้ก็คือ ภาพด้านบนที่มีรูปเสาไฟฟ้าขนาดใหญ่อยู่ทางซ้าย โดยเลือกฉากหน้าให้เป็นเงามืดของกรอบหน้าต่าง กับมูลี่บังแดด มุมนี้บันทึกภาพไว้เพียง 2 ภาพ อีกภาพเปลี่ยนสัดส่วนให้เป็น 16:9 เพื่อให้เห็นหน้าต่างเต็มกรอบกว่าเดิม แต่ในส่วนตัวแล้วชอบภาพแรกมากกว่า (นิดนึง)

 

เลนส์เก็บรายละเอียดคราบสกปรกบนหน้าต่างไว้ได้ชัดเจนมาก บริเวณส่วนมืดก็ให้น้ำหนักดี

 

Street Photography...

          การถ่ายภาพแนวนี้เป็นที่นิยมมานาน ซึ่งประเทศไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ดังนั้นครั้งนี้ขอพาชุดกล้อง Ricoh ลุยไปเรื่อยตั้งแต่ย่านสนามหลวงขึ้นไปจนถึงเยาวราช กับเลนส์หนึ่งเดียวตัวนี้ (เพราะไม่มีเปลี่ยน 555)



          ภาพเอกรงค์ หรือขาว-ดำ ช่วยแสดงความสามารถเลนส์ในการเก็บน้ำหนักแสง และรายละเอียดวัตถุได้ชัดเจนไม่ถูกสีสันกลบความเยี่ยมยอดในการไล่โทนแสงไป ภาพชุดด้านบนบันทึกตั้งแต่พื้นปูทางเดิน รถที่จอดซ่อม ลายเพ้นท์นกที่ข้างรถทัวร์ และรากไม้ เพื่อแสดงถึงความเป็นไปที่อยู่รอบๆตัวเรา

 


          วิถีชีวิตตลอดเส้นทางที่เดินมีทั้งความเร่งรีบ ความสงบนิ่ง กล้อง และเลนส์ได้ทำหน้าที่เก็บช่วงเวลาเหล่านั้นไว้เป็นความทรงจำ ซึ่งจะเห็นได้ว่าการโฟกัสด้วยมือนั้นหลายครั้งมีความคล่องตัว แต่ก็หลายครั้งที่เผลอยกกล้องแล้วถ่ายภาพเลยเพราะลืมว่าเป็นแมนนวลโฟกัส ไม่เป็นไรพลาดไปก็เริ่มต้นใหม่แม้จังหวะเดิมจะหายไปย่อมไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีโอกาสดีๆ ผ่านเข้ามาให้เราได้บันทึกภาพอีก ดังเช่นภาพคุณลุงเสื้อฟ้าที่ถือของมาเต็มมือกว่าจะได้ก็พลาดไปหลายคนต้องตั้งระยะโฟกัสรอไว้พอเดินมาตำแหน่งที่เราล็อกไว้ก็กดชัตเตอร์ได้...รับรองโอกาสพลาดยาก

 



          280 สีสันสดใส เนียน หวาน เป็นนิยามที่เลนส์ตัวนี้แสดงให้เห็นในภาพชุดดอกบัวนี้ ซึ่งขณะที่ถ่ายภาพอยู่แสงแดดไม่แรงมาก บันทึกที่ F/2.8 บ้าง F/5.6 บ้างที่ความเร็วชัตเตอร์ 1/1600 ISO200 โดยภาพกลางจะคล้ายภาพวาดจึงเป็นภาพที่ชอบเป็นพิเศษ

 

          ตอนที่มองภาพเพื่อโฟกัสรู้สึกอึดอัดเล็กๆ เพราะบางจังหวะคล้ายเป็นการแอบถ่ายจึงคิดถึงเจ้า VF2 (ช่องมองภาพแบบอิเล็คทรอนิคส์) โดยเฉพาะจังหวะที่ถ่ายภาพพี่ขอทานริมทางเดิน...เสียเวลาโฟกัสมากไปหน่อย...เกือบโดนรองเท้าเขวี้ยงใส่หน้าซะแล้ว

          การปรับโหมดช่วยโฟกัสภาพเป็นสีเทาช่วยได้มากสำหรับคนที่เคยเล่นฟิล์ม แต่ถ้าเริ่มด้วยดิจิตอลอาจต้องปรับตัวทดลองพอสมควรเพื่อให้คุ้นเคยกับความคมที่เรียกว่าชัดแล้ว

          ตลอดการ Play ในวันนี้กับการเดินเท้าหลายกิโลเมตรเหมือนจะเหนื่อยแต่กลับไม่มีความรู้สึกนั้นเลย อาจจะเพราะสนุกกับการถ่ายภาพ และเพลิดเพลินกับวิถีผู้คนที่ไม่ได้มาสัมผัสเสียนาน คงต้องบอกว่าใครที่กำลังมองหา หรือยังลังเลใจ กล้องกับเลนส์มาเป็นเพื่อนคู่หูใหม่อย่ามองข้ามกล้อง Ricoh GXR + GXRMount A12

          หากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการทดลองเล่นลองไปที่ BIG CAMERA GALLERIA ทั้ง 2 สาขา คือ Central World และ Ladprao แล้วความสุขจะอยู่ในมือคุณ...


Back to top