BIGLEARN : SD CARD เลือกอย่างไรให้ลงตัว

 
 
 
เทคโนโลยีทางด้านกล้องมีการพัฒนาเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
เพื่อสนองความต้องการการใช้งานให้ดีสะดวกยิ่งขึ้น
เมมโมรี่การ์ดสื่อกลางในการนำภาพจากกล้องสู่อุปกรณ์อื่นๆ
ก็ถูกพัฒนาให้ทันสมัยสามารถเก็บข้อมูลได้รวดเร็ว
 
 
    Memory Card หรือสื่อบันทึกข้อมูลเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวจากกล้องถ่ายภาพ ซึ่งทุกวันนี้มีหน่วยความจำอยู่ 2 ชนิดที่นิยมกัน คือ CF Card และ SD Card แต่นักถ่ายภาพส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับแบบหลังมากกว่าเนื่องจากมีขนาดที่เล็ก กะทัดรัด รองรับกับการออกแบบของกล้องที่มีรูปทรงเพรียวบางสามารถออกแบบบานพับสำหรับเสียบเมมโมรี่การ์ดเพียงอย่างเดียว หรือนำไปจัดไว้ตำแหน่งเดียวกับช่องใส่แบตเตอรี่ กล้องบางรุ่นออกแบบให้มีที่ใส่เมมโมรี่ได้ 2 ช่อง (Dual Slot) มีประโยชน์ต่อการบันทึกไฟล์ข้อมูล และการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างกัน ในทุกวันนี้จึงถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งไปแล้วโดยมีราคาเป็นทางเลือกมากมาย
 
1. ทำไมบันทึกไฟล์วิดีโอได้แป๊บเดียว!
 
     Memory Card หรือสื่อบันทึกข้อมูลเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับเก็บบันทึกข้อมูลทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวจากกล้องถ่ายภาพ ซึ่งทุกวันนี้มีหน่วยความจำอยู่ 2 ชนิดที่นิยมกัน คือ CF Card และ SD Card แต่นักถ่ายภาพส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับแบบหลังมากกว่าเนื่องจากมีขนาดที่เล็ก กะทัดรัด รองรับกับการออกแบบของกล้องที่มีรูปทรงเพรียวบางสามารถออกแบบบานพับสำหรับเสียบเมมโมรี่การ์ดเพียงอย่างเดียว หรือนำไปจัดไว้ตำแหน่งเดียวกับช่องใส่แบตเตอรี่ กล้องบางรุ่นออกแบบให้มีที่ใส่เมมโมรี่ได้ 2 ช่อง (Dual Slot) มีประโยชน์ต่อการบันทึกไฟล์ข้อมูล และการโอนถ่ายข้อมูลระหว่างกัน ในทุกวันนี้จึงถือว่าเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งไปแล้วโดยมีราคาเป็นทางเลือกมากมายนิ่งในจุดเดิมนานจึงไม่กระทบต่อการผลิตงานเพราะแม้แต่ในวงการภาพยนตร์ระดับ Hollywood ก็นำไปใช้งานในหลายๆฉาก อาทิ ฉากรถพุ่งเข้าชน ปัญหาที่พบเกิดจากกล้องจะตรวจสอบก่อนว่าเมมโมรี่ การ์ดนั้นมีมาตรฐานการเขียน และอ่านข้อมูลรองรับกับคุณภาพความละเอียดสูงหรือไม่ หากไม่รองรับกันกล้องจะบันทึกไปประมาณ 2-4 วินาที ก็จะตัดระบบการทำงานเพื่อป้องกันการเสียโอกาสในการเก็บข้อมูลช่วงเวลาดังกล่าว ไม่ใช่บันทึกไป 10 นาที แล้วค่อยมาขึ้นหน้าจอแจ้งว่าไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้เนื่องจากเมมโมรี่การ์ดนี้ไม่รองรับ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าการ์ดนั้นไม่รองรับมาตรฐานความละเอียดสูง คุณก็แค่เปลี่ยนเมมโมรี่การ์ดไปใช้รุ่นที่สูงขึ้น โดยในปัจจุบันแนะนำให้เลือกใช้ที่ระบุว่า Class10 หรือ UHS I ไปเลยเพราะอัตราการเขียน อ่านข้อมูลทำได้รวดเร็วระดับ 30MB/S ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้บันทึกภาพวิดีโอได้ หากแต่เวลาบันทึกภาพนิ่งก็จะบันทึกได้เร็ว เวลาเรียกดูภาพก็ไม่ต้องรอนานแม้จะมีข้อมูลเกือบเต็มแผ่น
 
 
2. ความจุเท่ากัน...แต่ทำไมราคาสูงกว่า
 
     หลายท่านแปลกใจว่าทำไม SD Card วางคู่กันความจุเท่ากัน แบรนด์เดียวกัน แต่ราคาแตกต่างกันเป็นเท่าตัวทางร้านติดป้ายราคาผิดหรือเปล่านะ หากสังเกตฉลากหรือป้ายในแบรนด์เดียวกันจะพบว่าใช้สีของสติกเกอร์ที่แตกต่างกันทำให้แยกแยะด้วยตาเปล่าได้ง่าย ซึ่งข้อความจะระบุรายละเอียดชัดเจนว่ามีระดับความสามารถในการเขียน และอ่านข้อมูล (Read/Write) ของแต่ละรุ่นที่เท่าไร อาทิ 45MB/S, 60MB/S หากไม่มีก็จะระบุเป็น Class แทน โดยความเร็วที่เกิดขึ้นนั้นสำคัญต่อการถ่ายภาพเป็นอย่างมากในทุกวันนี้ เนื่องจากเซ็นเซอร์รับภาพมีความละเอียดสูงทำให้ข้อมูลไฟล์มีขนาดใหญ่การโหลดลงการ์ดจึงจำเป็นต้องเลือกรุ่นที่บอกค่าการ Write ว่าทำได้เร็ว ถ้าใช้การ์ดที่มีความเร็วในการเขียนข้อมูลช้าแม้จะใช้กล้องที่ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็วเท่าใดก็ไม่สามารถบันทึกภาพได้ทันเพราะต้องรอเก็บข้อมูลลงการ์ดก่อน (ขณะเขียนข้อมูลจะมีไฟสีแดงหรือสีส้มกะพริบเตือน)
 
    สำหรับข้อมูลการอ่าน (Read) ส่วนใหญ่จะเร็วกว่าการเขียน ใช้ประโยชน์ในกรณีเรียกภาพขึ้นมาดูยิ่งความเร็วสูงก็สามารถเลื่อนดูภาพได้เร็วแม้จะมีข้อมูลเกือบเต็มความจุแล้วก็ไม่ทำให้เกิดความล่าช้า โดยเฉพาะเมื่อเป็นไฟล์ภาพวิดีโอ ดังนั้นจึงมีคำถามตามมาว่าควรจะเลือกซื้ออย่างไรให้เหมาะสมกับตนเอง...การ์ดที่แถมมาจะใช้ได้อยู่หรือไม่
 
    การ์ดที่สมนาคุณมาให้พร้อมกับกล้องถ่ายภาพยังคงนำมาใช้ร่วมกับการถ่ายภาพนิ่งได้เป็นปกติ แต่ไม่เหมาะสำหรับการนำไปใช้ถ่ายภาพวิดีโอ เนื่องจากมีความเร็วในการเขียนข้อมูลไม่พอต่อไฟล์ละเอียดระดับ Full HD 1080p เพราะส่วนมากจะเป็นความเร็วระดับ Class4 (เริ่มต้นโอนถ่ายข้อมูลที่ความเร็ว4 MB/S) จึงแนะนำให้เลือก Class10 เป็นทางเลือกเมื่อต้องการจัดสรร SD Cardเพิ่มเติมสำหรับสร้างสรรค์ภาพถ่ายได้อย่างเพลิดเพลินเต็มที่ตลอดการเดินทางท่องเที่ยว และล่าสุดกับเทคโนโลยี Wi-Fi ที่บันทึกข้อมูลได้เป็นปกติ แต่เพิ่มความสามารถในการเชื่อมโอนถ่ายข้อมูลแบบไร้สายไปสู่อุปกรณ์สมาร์ท ดีไวซ์ผ่านโปรแกรมที่ดาว์นโหลดเก็บไว้ก่อนเพื่อให้รู้จักกัน
 
 
 
3. ไปท่องเที่ยวหลายวันควรจะพกไปกี่กิ๊กนะ...
 
     คำถามของมือใหม่ที่ได้ยินบ่อยๆอีกอย่างคือ ควรจะพกเมมโมรี่ การ์ดไปกี่กิ๊ก...มี 4 GB (กิ๊กกะไบต์)พอหรือเปล่า...ถ่ายอะไรกันเยอะแยะ ซึ่งแต่ละคำถามมีคำตอบที่เป็นเรื่องเดียวกันอยู่ นั่นคือความละเอียดของภาพ ยิ่งความละเอียดสูงแม้จะบีบอัดไฟล์เป็น JPEG ก็ต้องมีประมาณ 2-6MB (เมกกะไบต์) ต่อภาพ แต่ถ้าเป็นไฟล์ RAW จะเสียพื้นที่อยากน้อยประมาณ 25 MB ต่อภาพ เมื่อต้องการทราบว่าจะบันทึกภาพได้เท่าไรก็สามารถดูได้จากด้านบนมุมขวาของจอแสดงผล (บางรุ่นอาจอยู่ตำแหน่งอื่น) การเลือกความละเอียดของภาพที่สูงสุดของกล้องย่อมเป็นผลดีต่อประสิทธิภาพของภาพถ่ายทั้งเรื่องของการไล่โทนสี การนำไปอัดขยายภาพ หากเลือกใช้ความละเอียดต่ำจะเหมาะกับการส่งข้อมูลได้เฉพาะทางออนไลน์ไม่รองรับสำหรับการนำไปทำสื่อสิ่งพิมพ์
 
     การบันทึกภาพเวลาเดินทางไปท่องเที่ยว กล้องดิจิตอลทำให้คุณหมดกังวลใจเรื่องภาพจะออกมาไม่สวยจากการที่ถ่ายภาพเสร็จก็ตรวจดูได้ทันที ดังนั้นไหนๆก็เดินทางไปแล้วไม่ได้ไปทุกวันพยายามกดชัตเตอร์บันทึกภาพเหตุการณ์ หรือสิ่งที่น่าสนใจเก็บกลับมาให้มากที่สุด (อาจนำมาต่อเป็นคลิปสั้นๆได้ภายหลัง) ความจำเป็นในการใช้การ์ดหลายใบช่วยให้ลดความเสี่ยงต่อความสูญเสียภาพหากการ์ดใบนั้นมีปัญหาไม่สามารถเปิดโอนถ่ายข้อมูลได้อย่างน้อยก็ยังมีภาพในการ์ดใบที่เหลือไปอวดเพื่อนๆได้
 
     ตอนนี้ Card Reader รุ่นใหม่เพิ่มประสิทธิภาพความทันสมัยด้วยเทคโนโลยีการโอนข้อมูลแบบไร้สายระบบ Wi-Fi จึงช่วยให้ระหว่างการเดินทางสามารถโอนข้อมูลเก็บไว้ในอุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์ หรือเก็บใส่ Flash Drive หลังกลับเข้าห้องพัก นอกจากนั้นยังสามารถจ่ายพลังงานให้สมาร์ทโฟนผ่านสาย USB ได้อีกด้วยเรียกว่าเอนกประสงค์สุดๆ พกตัวเดียวทำหน้าที่หลากหลายตอบสนองไลฟ์สไตล์คนในโลกไซเบอร์ได้อย่างลงตัว 
 
 
     กลับมาพบกับสาระความรู้นอกห้องเรียน เพื่อนำกลับไปใช้ในการเรียนรู้ หรือใช้ในชีวิตประจำวันได้ใหม่ในครั้งต่อๆไปกับ BIG Cameraบทความที่จะพาคุณไปทบทวนสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับกล้องเพื่อนำไปใช้ได้อย่างถูกต้อง ขอให้มีความสุข และสนุกกับการถ่ายภาพนะครับ
 
Back to top