REVIEW : OLYMPUS OM-D E-M10 บันทึกประสบการณ์ใหม่ของคุณ

 
FRESH                   Olympus OM-D E-M10, M.Zuiko Digital 25mm f/1.8, F2.8, 1/160s, ISO 200, Art Filter & Effect Filter
 
โอลิมปัสออกแบบกล้องรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล OM-D
เพื่อนักถ่ายภาพที่ต้องการบอดี้ขนาดเล็ก กะทัดรัด ประสิทธิภาพสูง
สำหรับการใช้งานประจำวันที่ไม่ได้สมบุกสมบันมากนัก
สามารถพกไปได้ทุกที่มีน้ำหนักเบา จับกระชับมือ หน้าตาสุดคลาสสิก
 
     Olympus เดินหน้าพัฒนากล้องไร้กระจก(Mirrorless)ที่ออกแบบภายนอก และเซ็นเซอร์ขนาดMicro Four Thirds (M4/3)อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์เพิ่มขึ้นใหม่อีกหนึ่งรุ่น ซึ่งกระแสตอบรับดีมากตั้งแต่ยังไม่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการเนื่องจากมีประสิทธิภาพหลายด้านถูกถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จไปแล้วทั้งรุ่น E-M5และE-M1 ในราคาเบาๆที่ยากจะปฏิเสธการเป็นเจ้าของ
 
     Olympus OM-D E-M10 กล้องคอมแพคถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ที่มีรูปทรงแนวเดียวกับกล้องฟิล์มในอดีตถือเป็นน้องเล็กสุดในตระกูลนี้มี3เทคโนโลยีหลักที่ช่วยให้ภาพมีความสมบูรณ์ ประกอบด้วยเซ็นเซอร์Live MOSความละเอียด16ล้านพิกเซลที่สามารถลดการเกิดสัญญานรบกวนในภาพขณะถ่ายภาพด้วยความไวแสงสูง ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลภาพTrue Pic VIIที่มีความสามารถในการแก้ไข ปรับแต่งภาพได้อย่างมีพลังทำให้ภาพดูเป็นธรรมชาติสามารถดึงรายละเอียดที่ส่งมาจากเลนส์Zuikoอันมีประสิทธิภาพระดับตำนานของเทคโนโลยีทางด้านเลนส์ได้อย่างครบถ้วนแม่นยำ หน่วยประมวลผลภาพรุ่นนี้ยังประมวลผลการแก้ไขความคลาดสีแนวขวาง การแก้ปัญหาเอฟเฟ็กต์ลายคลื่น(Moire)ที่สอดคล้องกับการออกแบบLow pass filter-lessของกล้อง ลองไปติดตามเทคโนโลยีอื่นๆที่ทำให้ภาพสวยถูกใจคุณ
 
 
     OM-D E-M10มาคู่กับเลนส์ซูมมาตรฐานรุ่นใหม่ M.Zuiko Digital EZ 14-42mm f3.5-5.6ที่มีขนาดตัวเล็กกว่าเดิมเหมาะสำหรับการพกพาใส่กระเป๋ามากขึ้น โดยเลนส์รุ่นนี้ใช้ระบบการซูมด้วยไฟฟ้ามีความนุ่มนวลเหมาะทั้งกับการถ่ายภาพนิ่ง และภาพวิดีโอสามารถปรับโฟกัสได้เอง(Manual Focus)ที่วงแหวนกระบอกเลนส์ทันทีแม้จะอยู่ในระบบโฟกัสอัตโนมัติ(S-AF+MF) เข้าใกล้วัตถุได้มากสุดที่0.2เมตร รูปทรงภายนอกออกแบบตามสรีระของมือได้ลงตัวมากเพราะแม้บอดี้จะเล็กแต่ทำกริปด้านหน้าโค้งตัดเป็นสัน ด้านหลังยกขอบแข็งวางนิ้วโป้งได้พอดิบพอดี มีแป้นวงแหวนควบคู่ให้สองตำแหน่งทั้งวงแหวนหน้า และวงแหวนหลังจึงควบคุมปรับค่าต่างๆตามการใช้งานแต่ละโหมดได้สะดวกลงตัว ซึ่งตรงกลางวงแหวนหน้าจะเป็นปุ่มชัตเตอร์ขนาดใหญ่แตกต่างจากกล้องแบรนด์อื่นๆ สำหรับแป้นโหมดถ่ายภาพจะอยู่ด้านซ้ายมีมาให้ครบครันตั้งแต่โหมดA, P, S, M และโหมดอัตโนมัติหลากหลาย อาทิ iAuto, Art Filter ส่วนใครที่หาสวิทช์เปิดการทำงานไม่เจอลองวางกล้องแล้วดูที่มุมขวาล่างผลักไปที่ONแล้วคุณจะเข้าสู่โลกของการถ่ายภาพ
 
 
     OM-D E-M10 ออกแบบช่องมองภาพแบบElectronic Viewfinder(EVF)ที่ใสสว่างมองง่ายด้วยความละเอียดสูง1.44ล้านจุดมีความเร็วในการรีเฟรชภาพ120ภาพ/วินาที ใส่ระบบตัดสัญญานภาพเมื่อตาแนบช่องมองอัตโนมัติ(Eye Sensor)ช่วยให้การเล็งภาพมองเห็นข้อมูลที่จะใช้สำหรับการบันทึกแต่ละครั้ง และหลังจากบันทึกเรียบร้อยก็สามารถมองภาพในช่องมองได้โดยไม่ต้องละสายตาซึ่งภาพที่เห็นใกล้เคียงกับภาพจริงมากๆ ส่วนจอแสดงผลใช้จอLCDขนาด3นิ้ว ความละเอียด1.03ล้านจุดสามารถปรับก้มเงยได้อำนวยความสะดวกในการควบคุมเลือกจุดโฟกัสด้วยระบบจอสัมผัส(Touch Screen) โดยในการใช้งานตัวกล้องจะมีระบบชดเชยความสั่นไหวภาพจากการเคลื่อนกล้องได้3ทิศทางด้วยการขยับตำแหน่งตัวเซ็นเซอร์รองรับทั้งกับการถ่ายภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว
 
 
     OM-D E-M10มีระบบโฟกัสอัตโนมัติ81พื้นที่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด8ภาพ/วินาทีจึงทำงานสัมพันธ์กันด้วยความรวดเร็วทำให้การจับโฟกัสภาพแม่นยำไม่ว่าจะใช้กับเลนส์รุ่นใด โดยในครั้งนี้มีโอกาสทดสอบคู่กับเลนส์รุ่นใหม่อีก2ตัว คือM.Zuiko Digital 25mm F1.8และOlympus 9mm F8 Fish-Eye Body Cap Lens ที่มีลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกันตัวแรกจะมีมุมรับภาพเทียบเท่าเลนส์50มม.เหมาะกับการถ่ายภาพพอร์ตเทรต หรือการถ่ายภาพในสภาพแสงน้อย รวมถึงการนำไปถ่ายภาพแนวมาโครเนื่องจากมีระยะเข้าใกล้วัตถุได้25ซม. ส่วนเลนส์อีกตัวเหมือนเป็นแค่ฝาครอบเลนส์นั้นให้มุมรับภาพสไตล์ฟิชอายกว้างเทียบเท่า18มม.ไม่มีระบบออโต้โฟกัส ตั้งค่ารูรับแสงได้ค่าเดียวคือF8 มีความหนาแค่เพียง13มม.ปรับระยะโฟกัสใกล้สุด20มม.การปรับระยะโฟกัสอาศัยการโยกที่หน้าเลนส์เหมาะกับการถ่ายภาพวิว ทิวทัศน์ให้ดูแปลกตากว่าปกติหากใช้ในสภาพแสงน้อยก็สามารถปรับความไวแสงช่วยได้เพราะรุ่นนี้ตั้งค่าได้สูงสุดที่ISO25600 ซึ่งความสะดวกของรุ่นนี้เมื่อเปิดชัตเตอร์นานเช่น ชัตเตอร์BจะมีโหมดLive Composite Modeที่จะ พรีวิวภาพตลอดช่วงการบันทึกภาพทำให้สะดวกแก่นักถ่ายภาพไม่ต้องนั่งคำนวณเวลาให้ยุ่งยากเพราะภาพที่เห็นคือภาพจริงที่ถูกบันทึกไว้แล้วโหมดนี้จึงเป็นขวัญใจของคนที่ชอบใช้เทคนิคLong Exposure
 
M.Zuiko Digital  45mm F1.8,
F2.2, 1/125s, ISO200, AWB, Spot Metering
M.Zuiko Digital  45mm F1.8,
F2.5, 1/60s, ISO200, AWB, Spot Metering
 
 
     OM-D E-M10ให้ความคล่องตัวในการควบคุมปรับตั้งระบบต่างๆได้อย่างรวดเร็วและราบรื่นไม่เสียเวลาค้นหาช่วยให้มีโอกาสบันทึกภาพในวินาทีสำคัญได้ไม่พลาดมีLevel Gaugeแบบอิเล็คทรอนิคส์คอยตรวจวัดระนาบว่าเอียงซ้าย-ขวาหรือไม่ และสิ่งที่ดูว่าเล็กน้อยแต่ก็ช่วยเติมเต็มภาพได้นั่นคือ แฟลชในตัว(Built-in flash)นับว่าเป็นรุ่นแรกในตระกูลOM-Dที่มีมาให้โดยไม่ต้องคอยถอดเข้าถอดออก สำหรับท่านที่ต้องการเพิ่มความสว่างมากขึ้นก็มีฐานเสียบแฟลช (Hotshoe) เอาไว้ใช้ร่วมกับแฟลชตระกูลFLได้อีกด้วยเพื่อเพิ่มมิติให้แก่ภาพของคุณ นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มความถนัดในการจับถือคือ แฮนด์กริป ซึ่งออกแบบให้แยกเป็นสองชิ้นไม่ต้องหมุนกริปออกเมื่อต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่หรือเมมโมรี่การ์ดใต้ฐานบอดี้...ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ อีกสิ่งหนึ่งหมุนไว้หน้าเลนส์ใช้สะดวกกว่าฝาครอบเลนส์ที่หายกันเป็นประจำคือ ฝาปิดอัตโนมัติที่หมุนค้างไว้เลยเวลาเปิด/ปิดกล้องก็จะทำงานอัตโนมัติมีเกลียวให้ใส่ฟิลเตอร์เพิ่มได้ด้วย
 
 
     OM-D E-M10แป้นโหมดมีเอฟเฟกซ์สร้างสรรค์ภาพให้เลือกใช้งานจนเป็นเอกลักษณ์ที่หาจากล้องแบรนด์อื่นไม่ได้คือ Art Filter 12 รูปแบบ และPhoto Story ที่มีรูปแบบเป็นTemplateสามารถใช้เล่าเรื่องราวให้อยู่ในเฟรมเดียวกันได้โดยยังคงควบคุมค่าการเปิดรับแสงได้ อาทิชดเชยแสง ปรับค่าไวท์บาลานซ์ เวลาถ่ายภาพแล้วไม่ถูกใจสามารถย้อนกลับไปถ่ายซ้ำใหม่ได้ทันทีตอนแรกที่เริ่มใช้งานก็คิดว่าคงไม่สนุกเพราะมีรูปแบบซ้ำๆแป๊บเดียวก็น่าจะเบื่อ แต่เมื่อได้สัมผัสใช้จริงจังกลายเป็นว่าสนุกมากเพราะเมื่อซับเจ็กต์เปลี่ยน อารมณ์ภาพก็เปลี่ยนเช่นกันจากการเปลี่ยนโทนเปลี่ยนการใช้กรอบภาพสลับหมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆโอกาสความคิดตันนั้นยากหน่อย
 
 
     OM-D E-M10สามารถทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน แท็บเล็ตได้ทันทีเพื่อแชร์ภาพ หรือควบคุมกล้องโดยใช้Olympus Image Share(OI.Share)ที่มีให้ดาว์นโหลดฟรี เพียงเข้าโหมดWi-Fiของกล้องแล้วอ่านQR Codeคุณก็พร้อมจะนำภาพเข้าสู่โซเชียล มีเดีย ความประทับใจอีกอย่างคือ สามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานแม้จะกดดูภาพที่บันทึกไปแล้วบ่อยๆ ซึ่งการเรียกดูก็ทำได้รวดเร็วไม่ว่าจะเลื่อนจากการทัชสกรีนหรือกดปุ่มบังคับทิศทางจึงไม่แปลกใจเลยว่าเวลาจะออกจากบ้านก็จะหยิบกล้องตัวนี้ติดตัวไปด้วยทันทีแบบไม่ต้องคิดมากเรียกว่าผู้ออกแบบในด้านต่างๆรู้ใจคนถ่ายภาพอย่างแท้จริง นอกจากนี้ยังมีเลนส์ใหม่ๆออกมารองรับรูปแบบการใช้งานมากมายในทุกช่วงทางยาวโฟกัสตั้งแต่ฟิชอาย ไวด์ นอร์มอล เทเลโฟโต้ที่ครอบคลุมประสิทธิภาพทั้งรุ่นย่อมเยาจนถึงสุดยอดเลนส์ในฝัน ใครที่ชื่นชอบความกะทัดรัด พกพาง่าย คุณภาพสูง อุปกรณ์เสริมเพียบต้องไม่พลาดไปทดลองประสิทธิภาพก่อนรับกลับไปดูแลเป็นเพื่อนคู่หูในโลกของการถ่ายภาพคนใหม่...
 
 
 
     BIGCamera ศูนย์รวมกล้องดิจิตอล ที่มีความสุขให้เลือกมากที่สุด ขอมอบสิ่งดีๆเสริฟถึงที่ด้วยสาระความรู้ ความสนุก สอดแทรกแง่คิดดีๆอย่างนี้เป็นประจำทุกวันที่1 และ16ของเดือน อยากรู้อยากสนุกกับการนำเสนอกล้องรุ่นใหม่ๆผ่านตัวหนังสือ และภาพถ่าย อย่าพลาด! ติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาความรู้ควบคู่กับเทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ไม่เคยหยุดนิ่งของโลกใบนี้ แล้วกลับมาพบกันได้ใหม่ครั้งต่อไป...สวัสดีครับ
 
Olympus OM-D E-M10 Specifications :
  • เซ็นเซอร์ Live MOS ขนาดM4/3 ความละเอียด 16 ล้านพิกเซล
  • ระบบประมวลผล TruePic VII
  • ตั้งค่าความไวแสงตั้งแต่ ISO 200-25600
  • มีระบบลดความสั่นไหวแบบ3แกน
  • สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด8ภาพ/วินาที
  • จอLCDแสดงผลแบบ Touchscreen พับได้(Tilting)ขนาด 3 นิ้วความละเอียด 1,037,000 จุดสี
  • ช่องมองภาพแบบ EVF ความละเอียด 1,440,000 จุดสี
  • ระบบโฟกัสภาพแบบContrast Detection AF81จุด
  • ความเร็วชัตเตอร์ 60-1/4000 วินาที
  • มีแฟลชป๊อปอัพในตัว
  • ถ่ายภาพเคลื่อนไหว Full HD 1920 x 1080 (30p)
  • มี Wi-Fi ในตัว
 
 
Back to top