Review Olympus OM-D E-M1 Mark II

 

      เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยกับกล้องเรือธงตัวใหม่ของค่าย Olympus นั้นก็คือ OM-D E-M1 Mark II นั้นเอง หลังจากใช้เวลาพัฒนายาวนานกว่า 4 ปี โดย Olympus ตั้งใจที่จะเปิดประสบการณ์ใหม่ที่น่าประทับใจแห่งโลกของการถ่ายภาพด้วยความเร็วสูงให้กับลูกค้า OM-D E-M1 Mark II จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ และคุณภาพ ที่ตอบสนองทุกความต้องการของคุณ

 

 

เซ็นเซอร์ Live MOS 20.4 ล้านพิกเซล และหน่วยประมวลผล Truepic VIII รุ่นใหม่ล่าสุด

 

     เซ็นเซอร์แบบใหม่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในแต่ละพิกเซล มีการไล่โทนสี และเพิ่มประสิทธิภาพของ Pixel Optics ให้ภาพถ่ายมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมแม้ใช้ความไวแสงสูง ด้วยการใช้ Anti-Refletive Coating ติดไว้ที่หน้าเซ็นเซอร์ทำหน้าที่ช่วยลดแฟร์และแสงสะท้อนต่างๆ อีกทั้งเซ็นเซอร์รุ่นใหม่นี้สามารถอ่านข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว จึงลดปัญหาเรื่องรูปทรงของวัตถุผิดเพี้ยนซึ่งมักเกิดจากการบันทึกวีดีโอได้อย่างดีเยี่ยม

     หน่วยประมวลผลตัวใหม่ล่าสุด Truepic VIII เป็นชิปประมวลผลที่ประกอบไปด้วย CPU แบบ Quad Core 2 ตัว (Dual Quad Core) ตัวแรกจะใช้ในการประมวลผลภาพโดยเฉพาะ ส่วนตัวที่สองใช้ในการควบคุมและกระบวนการคำนวณต่างๆ ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงการทำงานของระบบออโต้โฟกัสที่สามารถทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้น และยังประหยัดพลังงานได้อย่างยอดเยี่ยม

 

มุมด้านหน้าของกล้องให้ภาพลักษณ์ของความเป็นมืออาชีพ สมกับที่เป็นกล้องเรือธงของค่ายจริงๆ

 

 

ทลายทุกขีดจำกัดด้วยประสิทธิภาพการโฟกัส และถ่ายภาพต่อเนื่องได้สูงสุด 18 ภาพต่อวินาที

 

      ด้วยระบบ Advanced high-speed AF ของ OM-D E-M1 Mark II ช่วยให้คุณสามารถถ่ายภาพการเคลื่อนไหวในเสี้ยววินาทีได้อย่างง่ายดาย มาพร้อมกับระบบโฟกัส On-Chip Phase Detaction AF ที่มีจำนวนจุดโฟกัสแบบ Cross Type ทั้วหมดสูงถึง 121 จุด ครอบคลุมพื้นที่กว่า 80% ของเฟรมภาพ ทำให้สามารถตรวจจับวัตถุได้กว้างและครอบคลุมกว่ากล้องโดยทั่วไป เมื่อทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผล Truepic VIII ทำให้การโฟกัสภาพมีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยการพัฒนา Algorithm แบบใหม่ในการตรวจจับและติดตามวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ จึงทำให้การโฟกัสภาพแบบ Tracking ได้ดีแม่นยำ และรวดเร็วมากขึ้น

 

ด้วยรูปลักษณ์ที่ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ในทุกสถานการณ์ และเน้นความคล่องตัวในการใช้งาน ทำให้ Body ของกล้องมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา

 

ปุ่มปรับการใช้งานหลักๆถูกออกแบบมาให้อยู่ในบริเวณที่สามารถใช้มือขวาเพียงมือเดียวกันการปรับได้ ทำสามารถปรับค่าต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

 

 

บอดี้ Magnesium Alloy แข็งแรง ทนทาน แต่มีน้ำหนักเบา

 

Olympus OM-D E-M1 Mark II ให้เป็นกล้องที่มีความแข็งแรงทนทาน ตัวกล้องจึง Sealing โครงสร้างของตัวกล้องเพื่อป้องกันฝุ่นและละอองน้ำ มีความทนทานเป็นพิเศษสามารถใช้งานได้ในทุกสภาพอากาศ โดยมีการทดสอบการทำงานในสภาพอากาศหนาวเย็นจัด พบว่ากล้องสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแม้สภาพอากาศนั้นจะมีอุณหภูมิที่หนาวเย็นถึง -10 องศาเซลเซียส นอกจากนี้ทาง Olympus ยังคำนึงถึงความคล่องตัวในการใช้งาน ตัวกล้องจึงมีขนาดกระทัดรัด มีกริปจับกระชับมือ และน้ำหนักตัวเพียง 574 กรัม ทำให้สามารถใช้งานได้สะดวกแม้ใช้งานร่วมกับเลนส์ขนาดใหญ่ก็สามารถถือใช้งานด้วยมือเปล่าได้โดยปราศจากขาตั้งกล้อง

 

Body แม็กนีเซี่ยมอัลลอยด์ แข็งแรงทนทาน แต่มีน้ำหนักเบา มีการ Seal กันน้ำกันฝุ่นละออง ทำให้สามารถลุยงานหนักได้

 

 

 

ด้านซ้ายมือมีช่อง HDMI ช่องต่อไมค์และหูฟัง สำหรับการถ่าย VDO

 

ด้านขวามีช่องต่อสายลั่นชัตเตอร์ สามารถถ่าย Timelapse ได้

 

LCD Monitor ความละเอียดสูง ให้รายละเอียดที่คมชัด และที่สามารถหมุนได้ ทำให้ถ่ายภาพในมุมยากๆได้

 

ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์แบบใหม่ มี frame rate สูงถึง 120fps ให้ความรู้สึกใกล้เชียงกับช่องมองภาพแบบ Optical มากที่สุด

 

ใส่ SD Card ได้ 2 ใบ สามารถใช้งานได้หลากหลาย ทั้ง Back up หรือแยก Raw file กับ jpeg

 

แบตเตอรี่มีขนาดเล็กแต่สามารถใช้งานได้นาน สามารถถ่ายต่อเนื่องได้เกิน 400 ภาพ

 

 

     เลนส์ที่ใช้ทดสอบในครั้งนี้คือ Olympus M.ZUIKO Digital ED 12-100mm f/4.0 IS Pro ซึ่งถือเป็นเลนส์อเนกประสงค์ที่ดีมีความคมชัด และครอบคลุมทุกระยะการใช้งาน มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวภายในเลนส์ที่สามารถทำงานควบคู่กับระบบป้องกันภาพสั่นไหวในตัวกล้องได้พร้อมๆกัน ด้วยทางยาวโฟกัสที่กว้างทำให้เหมาะกับการถ่ายภาพท่องเที่ยวที่เน้นความสะดวกและคล่องตัว สามารถปรับเป็น Manual ได้โดยการดึงส่วนปลายของเลนส์ออก แถบแสดงระยะโฟกัสจะแสดงขึ้นมาทำให้ใช้ Manual ได้สะดวกขึ้น

 

Olympus M.ZUIKO Digital ED 12-100mm f/4.0 IS Pro เลนส์อเนกประสงค์ที่สามารถใช้งานได้หลากหลายและให้คุณภาพที่น่าพึงพอใจ

 

เพียงแค่ดึงส่วนปลายของเลนส์ออก ก็สามาถใช้งาน Manual Focus ได้อย่างง่ายดาย

 

 

Olympus OM-D E-M1 Mark II มาพร้อมกับแฟลชภายนอก Fl-LM3 ขนาดเล็กกระทัดรัด น้ำหนักเบา มีค่า Guide Number 9.1 ที่ ISO100 สามารถปรับทิศทางแฟลชได้ โดยสามารถหมุนซ้าย ขวาได้ 180 องศา ก้ม เงย ได้ 90 องศา

 

 

 

 

จากการใช้งานกล้อง Olympus OM-D E-M1 Mark II เบื้องต้นรู้สึกได้ถึงความเร็วในการประมวลผลหน่วยประมวลผลแบบใหม่ TruePic VIII ซึ่งทาง Olympus เครมไว้ว่า เร็วกว่า ของเดิมถึง 3เท่า ความละเอียด 20.4 ล้านพิกเซล ให้ภาพที่มีรายละเอียดสูง มีความคมชัดมาก เพราะไม่มี Low pass filter  และมีจุดโฟกัสแบบ On-Chip Phase Detection AF มากถึง 121 จุด ซึ่งเป็น Cross-Type ทั้งหมด ทำให้สื่อสารระหว่างเซนเซอร์และLive Monitor ได้เร็วมาก พร้อม Coating ลดแสงสะท้อนของกระจกผนึกเซ็นเซอร์ ทำให้ป้องกันแสงฟุ้งและแสงแฟร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ OM-D E-M1 Mark II มาพร้อมระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ 5 แกนภายในตัวกล้องรองรับการใช้งานได้ทั้งภาพนิ่งและวีดีโอ ซึ่งทาง Olympus ได้เครมไว้ว่าสามารถกันสั่นได้ถึง 5 Stop ทีเดียว ทำให้สามารถถ่ายภาพในสภาพแสงน้อยได้ดียิ่งขึ้น

 

มีระบบกันสั่นแบบ 5 แกนในตัวกล้อง สามารถใช้งานร่วมกับระบบกันสั่นภายในเลนส์ได้ สามารถป้องกันภาพสั่นไหวได้ถึง 5 stop

 

เซ็นเซอร์ใหม่เอา Low pass Filterออกไป ทำให้รายละเอียดความคมชัดสูงขึ้น

 

Dynamic lange ของกล้องดีมาก เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วนไม่ว่าจะเป็นโทนสว่างหรือโทนมืด

 

ISO ของ Olympus OM-D E-M1 Mark II มีการปรับปรุงใหม่ โดยมี Native-ISO ที่ 200 - 6400 สามารถปรับ ISO ต่ำสุดลงได้ถึง 64 (ISO Low) ทำให้เมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ที่มี F-stop กว้างๆได้สะดวกมากขึ้น สามารถเปิดรูรับแสงกว้างๆ เช่น f1.8 ในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใสและมีแดดแรงได้แบบสบายๆ ส่วน ISO สูงสุดอยู่ที่ 25600 สามารถจัดการ Noise ได้ดี แม้จะใช้ ISO สูง

 

 

 

 

 

     ใครที่สนใจอยากได้กล้อง Mirrorless คุณภาพสูงตอบโจทย์การใช้งานหลากลายรูปแบบ ทนทาน ใช้งานได้ทุกสภาพอากาศ มีความคล่องตัว Olympus OM-D E-M1 Mark II สามารถตอบสนองทุกความต้องการของคุณได้อย่างครบครัน ข้อมูลทางเทคนิคเพิ่มเติมสามารถเข้าดูไปได้ที่ www.bigcamera.co.th หรือ Facebook fanpage www.facebook.com/BIGCAMERACLUB สามารถทดลองสินค้าได้ที่ร้าน Big Camera ที่มีมากกว่า 250 สาขาทั่วประเทศ

 

Cr.Filmnolta

Back to top